ออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ วันได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เราก็พร้อมอยู่เคียงข้าง ดูแลคุณทุกช่วงเวลา คุ้มครองในยามเจ็บป่วยและมอบบริการด้านสุขภาพ Health Ecosystem ที่ครบวงจร เพื่อให้คุณพร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ต้องการ และเก็บเกี่ยวความสุขได้อย่างเต็มที่ในทุกก้าวของชีวิต
ห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน (Standard Single Patient Room) หมายถึง ห้องพักเดี่ยวระดับเบื้องต้นของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ซึ่งความคุ้มครองในส่วนนี้ ครอบคลุมค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน สำหรับห้องพักเดี่ยวระดับเริ่มต้นของโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษา
ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสบายใจมากกว่า เทียบกับความคุ้มครองแบบค่าห้องสูงสุดตามตาราง ซึ่งอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินจากความคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์
สามารถดูค่าใช้จ่ายค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละโรงพยาบาลได้ ที่นี่
แม้ว่ากรมธรรม์ที่มีให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน ลูกค้ายังคงสามารถเลือกเข้าพักในห้องพักที่มีราคาสูงหรือต่ำกว่าได้ โดยบริษัทจะรับผิดชอบค่าห้องพักไม่เกินความคุ้มครองที่กำหนด และผู้เอาประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้นเอง จึงสามารถเลือกห้องพักได้ตามที่ต้องการ
แบบประกันสุขภาพ เพรสทีจ เฮลธ์ สามารถเลือกพื้นที่ได้ตามแผนความคุ้มครองที่ลูกค้าต้องการ ทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ สำหรับกรมธรรม์ที่คุ้มครองพื้นที่นอกประเทศไทยด้วย เมื่อผู้เอาประกันภัยประสบปัญหาเจ็บป่วยระหว่างอยู่นอกประเทศไทย สามารถเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลในพื้นที่ โดยกรุงเทพประกันชีวิตได้ทำสัญญากับผู้ให้บริการประสานงานในโรงพยาบาลต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกัน
ผู้เอาประกันภัยสามารถโทรแจ้งกรุงเทพประกันชีวิต เพื่อประสานงานสำรองเงินค้ำประกันการเข้ารักษาพยาบาลแต่ละครั้ง และเมื่อผู้เอาประกันภัยหายป่วยออกจากโรงพยาบาล ผู้ประสานงานจะดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากกรุงเทพประกันชีวิต ผู้เอาประกันภัยจึงไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายเมื่อเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลที่ผู้ประสานงานให้บริการ และได้รับบริการที่ดีเฉกเช่นเดียวกับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายในประเทศไทย
ความรับผิดส่วนแรก (Deductible) หมายถึง ค่าใช้จ่ายส่วนแรกของการรักษาพยาบาลที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับภาระตามข้อตกลงของสัญญาประกันภัย หรือใช้สิทธิเบิกกับสวัสดิการด้านสุขภาพจากองค์กร หรือประกันสุขภาพอื่น โดยค่าใช้จ่ายที่เกินจากส่วนแรกนี้ ประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรกจะให้ความคุ้มครอง
เหมาะกับผู้ที่มีสวัสดิการสุขภาพอยู่แล้ว และต้องการเพิ่มวงเงินความคุ้มครองเพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ซึ่งข้อดีของประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรก คือ เบี้ยประกันสุขภาพที่ต่ำ จึงไม่เป็นภาระมากนัก ผู้เอาประกันภัยที่สามารถเลือกรับภาระส่วนแรกมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยที่มีสุขภาพดีและไม่ค่อยเจ็บป่วย เบี้ยประกันภัยที่ต่ำลงจึงอาจคุ้มค่าเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาการเจ็บป่วยทั่วไป
ตัวอย่างเปรียบเทียบ แบบประกันบีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ แผน 2 ที่คุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท สำหรับเพศชายอายุ 30 ปี ที่ไม่มีความคุ้มครองส่วนแรก เบี้ยประกันสุขภาพจะอยู่ที่ 15,028 บาท แต่หากเลือกแบบมีความรับผิดส่วนแรกเป็นเงิน 30,000 บาท เบี้ยสุขภาพจะลดลงเหลือเพียง 8,696 บาท เป็นต้น
ความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายมักเป็นการกำหนดจำนวนเงินสูงสุดของการรักษาพยาบาลครั้งนั้น ๆ โดยไม่ได้แยกวงเงินสูงสุดสำหรับค่ารักษาแต่ละหมวด ผู้เอาประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินเฉพาะเมื่อค่ารักษารวมสูงกว่าวงเงินความคุ้มครองของตนเอง
ขณะที่ความคุ้มครองแบบแยกค่าใช้จ่ายจะเป็นการกำหนดระดับความคุ้มครองแยกตามประเภทของการรักษาพยาบาล และอาจมีการกำหนดจำนวนเงินรวมสูงสุดของการรักษาพยาบาลครั้งนั้น ๆ ได้ด้วย ประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายจึงมักมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าแบบเหมาจ่าย แต่ผู้เอาประกันมีโอกาสที่ต้องรับภาระส่วนเงินของค่าใช้จ่ายแต่ละประเภท แม้วงเงินรวมจะไม่เกินวงเงินความคุ้มครอง
ห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน (ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงนั้นแตกต่างกันทั้งในด้านของความคุ้มครอง และการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ ดังนี้
ประกันสุขภาพ | ประกันโรคร้ายแรง | |
---|---|---|
ความคุ้มครอง | ค่ารักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไป และโรคร้ายแรง ตามแผนความคุ้มครองที่เลือกซื้อ | เงินก้อนกรณีตรวจพบเจอโรคร้ายแรง |
การจ่ายผลประโยชน์ | ค่ารักษาพยาบาลตามจริง เช่น ค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา ไม่เกินความคุ้มครองของผลประโยชน์ในกรมธรรม์ | รับเงินก้อน กรณีตรวจพบโรคร้ายแรงตามโรคที่คุ้มครองตามกรมธรรม์ |
จุดประสงค์ในการทำประกัน | ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาล เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอีกด้วย | หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาค่อนข้างมาก และรวมถึงโอกาสในการสูญเสียรายได้ การทำประกันโรคร้ายแรงจึงช่วยในเรื่องค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน และ ชดเชยรายได้ที่เสียไป รวมถึงรายจ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย |
เหมาะกับใคร? | ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาล ต้องการรับการรักษาที่ดีเข้าถึงเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และต้องการลดหย่อนภาษี | ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายกรณีเป็นโรคร้ายแรง โดยสามารถนำเงินก้อนมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ เพื่อเป็นทุนสำรองกรณีขาดรายได้ หรือเกิดค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน และต้องการลดหย่อนภาษี |
ปัจจุบันประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง ได้ถูกพัฒนาให้มีความหลากหลายและแตกต่างตามความต้องการในการสร้างความคุ้มครองที่เหมาะสม ประกันสุขภาพสามารถรองรับการรักษาโรคร้ายแรงได้เช่นกัน แต่การรักษาโรคร้ายแรงมักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงมีโอกาสที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากความคุ้มครองที่กำหนดในกรมธรรม์ หากแผนความคุ้มครองที่มี ให้วงเงินค่ารักษาที่ไม่สูงมาก
ดังนั้นการมีประกันโรคร้ายแรง ควบคู่กับประกันสุขภาพ นอกจากจะช่วยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว เงินผลประโยชน์ของประกันโรคร้ายแรง ยังสามารถใช้ทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปจากการเจ็บป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลานานจนกระทบรายได้ที่ขาดหายไป รวมทั้งใช้ในการรักษาพยาบาลต่อเนื่องซึ่งประกันสุขภาพที่มีไม่ครอบคลุม