different-financial-beliefs-from-generation-thumb

“3 Gen 3 แนวคิด” ความเชื่อที่แตกต่างทางการเงิน

Facebook
Copy
different-financial-beliefs-from-generation-thumb

ในโลกปัจจุบันที่การเงินมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิต มุมมองความเชื่อทางการเงินของแต่ละ Generation ย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมทางการเงินที่แตกต่างกันไป โดยในบทความนี้จะพาไปรู้จักกับความเชื่อทางการเงินของคนใน 3 Generation ที่มีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน ได้แก่ Generation X, Generation Y และ Generation Z

ความเชื่อ ทัศนคติ และมุมมองทางการเงินของทั้ง 3 Generations

1. Generation X

Generation X เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1965 - ค.ศ. 1980 เติบโตในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งวิกฤตการณ์ทางการเงินและความผันผวนของตลาดแรงงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความเชื่อและการตัดสินใจทางการเงินของพวกเขา ดังนี้

ความเชื่อเรื่องการออมเงิน
การออมเงินถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับคนกลุ่มนี้ เพื่อการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินสำหรับการเกษียณอายุ และยังเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เพราะพวกเขาเติบโตมากับแนวคิดที่ว่า การมีเงินออมเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น วิกฤตเศรษฐกิจหรือภาวะตกงาน เป็นต้น

ทัศนคติต่อหนี้สิน
Generation X จะระมัดระวังการใช้เงินที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายส่วนตัว เช่น บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคล รวมถึงหลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินในกรณีที่ไม่จำเป็น และมักจะชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยสะสม

มุมมองต่อการลงทุนแบบดั้งเดิม
คนกลุ่มนี้ยังคงนิยมการลงทุนในรูปแบบดั้งเดิม นั่นคือทรัพย์สินที่มีความมั่นคง เช่น หุ้นในบริษัทที่มีชื่อเสียง กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนในระยะยาว

2. Generation Y หรือ Millennials

Millennials เกิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 - ค.ศ. 1996 พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมต่อกันมากขึ้น และต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ทำให้มีมุมมองทางการเงินที่แตกต่างจาก Generation ก่อนหน้านี้ ดังนี้

ความเชื่อเรื่องการสร้างรายได้หลายทาง
คนรุ่นนี้ไม่ต้องการพึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว หลายคนเริ่มทำธุรกิจเสริมเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินควบคู่ไปกับงานประจำ เช่น การทำธุรกิจออนไลน์ การลงทุน หรือการเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งความเชื่อนี้สะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินในอนาคตที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น

ทัศนคติต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
พวกเขามีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อการลงทุนในหุ้นและกองทุนที่มีความเสี่ยง รวมถึงสินทรัพย์ใหม่ ๆ เช่น Cryptocurrency และ Bitcoin ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็ว

มุมมองต่อการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์
คนใน Generation นี้ให้คุณค่าแก่การใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ชีวิต เช่น การท่องเที่ยว การเรียนรู้ และกิจกรรมที่สร้างความทรงจำ มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวหรือทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าประสบการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น

3. Generation Z

คนใน Generation นี้ เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1997 - ค.ศ. 2012 และยังเป็นกลุ่มคนที่เกิดในยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เป็นยุคเทคโนโลยีมีอิทธิพลในทุกด้านของชีวิตประจำวัน จึงทำให้พวกเขาเป็นคนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว และมีความคิดที่ยืดหยุ่นมากขึ้นในเรื่องการเงิน ทำให้คนรุ่นนี้มีมุมมองทางการเงินที่แตกต่างไปจาก Generation ก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้

ความเชื่อเรื่องการเป็นผู้ประกอบการและอาชีพอิสระ
คนกลุ่มนี้เติบโตมากับการเห็นความสำเร็จของธุรกิจสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างความสำเร็จได้จากเทคโนโลยี พวกเขาจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองหรือประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งให้ทั้งอิสระในการทำงานและโอกาสในการสร้างรายได้ที่ไม่จำกัด

ทัศนคติต่อการลงทุนแบบยั่งยืน
Generation Z ให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ยั่งยืนและมีผลในเชิงบวกต่อสังคม เช่น การลงทุนในกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือการวางแผนการเงินเพื่ออนาคต อย่างการทำประกัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย

มุมมองต่อการใช้เทคโนโลยีทางการเงิน
เมื่อพูดถึงการจัดการการเงิน การทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคย เช่น Fintech, Mobile Banking และแอปการลงทุนต่าง ๆ เพื่อจัดการการเงินส่วนตัว ทำให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่รวดเร็วและง่ายดายกว่าคนรุ่นก่อน

เปรียบเทียบความเชื่อทางการเงินระหว่าง Generations

เมื่อเปรียบเทียบความเชื่อทางการเงินของ Generation X, Y, และ Z เราจะเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนในแต่ละกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกันก็มีจุดร่วมที่น่าสนใจในเรื่องการวางแผนเพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

จุดร่วมและความแตกต่าง

  • จุดร่วม
    สรุปได้ว่าทั้ง 3 Generation มีจุดร่วมที่สำคัญในเรื่องของการให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ทุกกลุ่มล้วนตระหนักถึงความจำเป็นในการออมเงินเพื่ออนาคต และการเตรียมตัวเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ แม้ว่ารูปแบบและวิธีการอาจจะแตกต่างกัน Generation X อาจเน้นไปที่การออมและลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ในขณะที่ Generation Y และ Z เปิดรับการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ
  • ความแตกต่าง
    ความแตกต่างที่เด่นชัดระหว่าง Generation คือทัศนคติต่อการใช้จ่ายและการลงทุน Generation X ยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายและลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ Generation Y และ Z เปิดรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า นอกจากนี้ Generation Z ยังมีแนวคิดในการสร้างธุรกิจหรือทำอาชีพอิสระมากกว่า Generation ก่อนที่มักจะพึ่งพารายได้จากงานประจำ

ผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเงิน
ความเชื่อทางการเงินของแต่ละ Generation ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการตัดสินใจทางการเงิน

  • Generation X : มักจะเลือกการลงทุนที่มั่นคงและไม่เสี่ยง เช่น การลงทุนในกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ และการออมเงินเก็บ รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงหนี้สิน

  • Generation Y : ชอบที่จะกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนหุ้นไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล มีทัศนคติที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้นต่อการรับความเสี่ยง เพราะเชื่อว่าการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ๆ จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะสั้น

  • Generation Z : มีความกล้าหาญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการลงทุน โดยใช้แอปพลิเคชันทางการเงินในการบริหารเงิน และลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืน มองว่าการเงินสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ ดังนั้น การลงทุนแบบยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ
การเปรียบเทียบระหว่าง Generation แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ รวมถึงเทคโนโลยีที่มีผลต่อการตัดสินใจและการวางแผนทางการเงินของแต่ละ Generation ช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางการเงิน ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของแต่ละ Generation ได้ดียิ่งขึ้น

 

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความเชื่อทางการเงินในอนาคต

เมื่อพูดถึงความเชื่อทางการเงินในอนาคต Generation Z จะเป็นกลุ่มที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนที่สุด จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า พวกเขาเติบโตมากับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายกว่ารุ่นก่อน ๆ ส่งผลให้พวกเขามีแนวคิดทางการเงินที่มุ่งเน้นไปที่ ‘ความมั่นคงและการออมในระยะยาว’ และเริ่มมีการวางแผนการเงินสำหรับอนาคตเร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ

อีกด้านที่น่าสนใจคือ Gen Z มีความสนใจในการเรียนรู้เรื่องการเงินมากขึ้น พวกเขามองว่าการศึกษาในด้านนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและมีมูลค่ามากกว่าที่เคยเป็นในอดีต พวกเขาต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการวางงบ การลงทุน และการเข้าใจเรื่องเครดิต ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการทำประกันที่มอบความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการสะสมทรัพย์ให้เติบโตงอกเงยมากขึ้น ช่วยให้วางแผนทางการเงินได้ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ไปจนถึงมีชีวิตวัยเกษียณที่มีคุณภาพ เพราะการวางแผนทางการเงินที่ดี จะช่วยให้มีอิสรภาพและความมั่นคงทางการเงิน

ประกันบำนาญ แฮปปี้ เพนชั่น (มีเงินปันผล) จากกรุงเทพประกันชีวิต ที่ช่วยวางแผนทางการเงิน ให้คุณใช้ชีวิตเกษียณได้อย่างสบายใจ มีเงินบำนาญใช้ พร้อมกับมอบความคุ้มครองชีวิต

  • การันตี รับเงินบำนาญตั้งแต่อายุ 60-99 ปี
  • มีโอกาสรับเงินบำนาญเพิ่มพิเศษตลอดสัญญา**
  • วางแผนอนาคตตัวเองได้ เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้เอง 1 ปี (ครั้งเดียวจบ)/5 ปี/10 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี
  • นำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท/ปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

ดูรายละเอียดแผนประกันเพิ่มเติม ลองกดคำนวณเบี้ยเพื่อเปรียบเทียบความคุ้มครองแต่ละแผนได้ด้วยตัวเอง สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ส่งข้อมูลไปมา รวมถึงซื้อออนไลน์ได้ง่าย ๆ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ได้ที่เว็บไซต์ : https://bla.bangkoklife.com/bwK3dB9NjA หรือติดต่อ Call Center: 02 -777-8888 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัย ทั้งนี้ เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นอย่างสมบูรณ์จะระบุในกรมธรรม์

**บริษัทอาจพิจารณาเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษให้ในช่วงรับเงินบำนาญ โดยจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษนี้ จะขึ้นอยู่กับเงินปันผล ณ วันครบรอบปีกรมธรรมที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี ซึ่งคำนวณมาจากผลตอบแทนจากการลงทุนของสินทรัพย์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล ตั้งแต่วันที่สัญญาเริ่มมีผลคุ้มครอง จนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี หลังหักด้วยต้นทุนทั้งหมดของกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งบริษัทจะจัดสรรในอัตราร้อยละ 80 ให้แก่ผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อกำหนด และวิธีการคำนวณเงินปันผลที่บริษัทพิจารณา ณ วันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตหรือขอใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยก่อนวันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่พิจารณาเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษ

อ้างอิง: kubix.co, bangkokbiznews.com, bloomberg.com, everydaymarketing.co

แนะนำผลิตภัณฑ์

Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
thumb-logo

แบบประกันออนไลน์ทั้งหมด

ดูรายละเอียด

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราถือว่าท่านยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ ประกาศความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ ของเรา