personal-income-tax-deductions-thumb

รู้จัก “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” และ “ค่าลดหย่อน”

Facebook
Copy
personal-income-tax-deductions-thumb

ภาษี คือ เงินที่รัฐจัดเก็บจากประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อเป็นรายได้นำมาพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และกิจการอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ได้แก่ การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ถนน ไฟฟ้า ประปา และการป้องกันประเทศ เป็นต้น ในฐานะบุคคลธรรมดา หนึ่งในภาระหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการเสียภาษี ทั้งนี้การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าลดหย่อนต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้เราปฏิบัติตามกฏหมายได้อย่างถูกต้อง แล้วยังช่วยให้เราประหยัดเงินได้จากค่าลดหย่อนภาษีอีกด้วย

ทำไมเราต้องเสียภาษี แล้วบางคนไม่ต้องเสียภาษี

เหตุผลที่เราต้องเสียภาษีเพราะกฎหมายกำหนดให้ผู้มีรายได้เกินเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียภาษี มีบางกรณีที่บุคคลอาจได้รับการยกเว้นภาษี เช่น มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในโครงการที่ภาครัฐส่งเสริม สำหรับมนุษย์เงินเดือนนั้น รายได้สุทธิจะเป็นตัวกำหนดภาษี โดยมีวิธีคำนวณโดยคร่าว ดังนี้

 
รายได้สุทธิ = รายได้ตลอดทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
 

รายได้ตลอดทั้งปี ได้แก่เงินได้ทั้งหมดที่ได้รับในปีที่คิดภาษี ซึ่งรวมถึงเงินเดือน โบนัส ค่าคอมมิชชัน เบี้ยเลี้ยง เงินได้จากงานอิสระ

ค่าใช้จ่าย โดยทั่วไปจะคิดแบบเหมารวมซึ่งสามารถนำมาหักได้ 50% ของรายได้จากงานประจำสูงสุด 100,000 บาท

ค่าลดหย่อนส่วนตัว ที่กฎหมายอนุญาตให้หักจากรายได้ หรือที่เรียกกันว่าการลดหย่อนภาษีโดยมีค่าลดหย่อนส่วนตัวที่หักได้ 60,000 บาทต่อคน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมได้ เช่น ค่าลดหย่อนกองทุนรวม ค่าลดหย่อนประกันชีวิต ค่าลดหย่อนสำหรับการบริจาค หรือแคมเปญรัฐบาล

เงินได้สุทธิที่คำนวณได้ :
  • ไม่เกิน 150,000 บาท: ได้รับยกเว้นภาษี
  • เกิน 150,000 บาท: เสียภาษีอัตราก้าวหน้า 5-35%

สำหรับผู้มีรายได้จากงานประจำอย่างเดียว :
  • เงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท : ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • เงินเดือน 10,001-26,583.33 บาท : ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 บาท: ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด
 

อัตราภาษีจะแบ่งตามช่วงรายได้ ดังนี้

เงินได้สุทธิ (บาท) อัตราภาษี
0 - 150,000 ยกเว้น
150,001 - 300,000 5%
300,001 - 500,000 10%
500,001 - 750,000 15%
750,001 - 1,000,000 20%
1,000,001 - 2,000,000 25%
2,000,001 - 5,000,000 30%
5,000,001 ขึ้นไป 35%
 

การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นหน้าที่สำคัญของทุกคนที่มีรายได้ แม้ว่ารายได้สุทธิประจำปีจะยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ตาม นอกจากนี้ การใช้สิทธิลดหย่อนภาษียังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตัวเรา ไม่เพียงแต่อาจช่วยให้ได้รับเงินคืนภาษีในแต่ละปีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลอีกด้วย

 

ค่าลดหย่อนภาษีคืออะไร ค่าใช้จ่ายอะไรที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

ค่าลดหย่อนภาษี คือรายการค่าใช้จ่ายที่กฎหมายอนุญาตให้นำมาหักออกจากรายได้ก่อนคำนวณภาษี โดยตัวอย่างของค่าลดหย่อนภาษีที่สำคัญ มีดังนี้

ค่าลดหย่อนภาระติดตัว

ผู้ยื่นภาษีสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนเอง และสมาชิกครอบครัวในความดูแลของตนนำมาเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ โดยมีเกณฑ์ดังนี้

  1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท
  2. คู่สมรส (ไม่มีเงินได้) 60,000 บาท
  3. ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ หักลดหย่อนรวมกันได้ ไม่เกิน 120,000 บาท
  4. บุตรชอบด้วยกฎหมายและบุตรบุญธรรม คนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน
  5. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้ โดยบิดามารดาต้องมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท หักค่าลดหย่อน คนละ 30,000 บาท และสามารถหักลดหย่อนสำหรับบิดามารดาของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท
  6. ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ หักค่าลดหย่อน คนละ 60,000 บาท

ประกันและการลงทุน

การทำประกันลดหย่อนภาษีเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดหย่อนภาษี โดยค่าเบี้ยประกันชีวิต (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป) ของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิตและความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund) สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออม SSF (Super Saving Funds) สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท อีกทั้งในปี 2567 นี้ ยังมีกองทุนหมวด ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำอีกด้วย

กระตุ้นเศรษฐกิจ

ภาครัฐมีการออกมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องในแต่ละปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน ตัวอย่างล่าสุดคือโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งมีวัตถุประสงค์สองประการ:

  1. กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
  2. ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ประชาชน โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 40,000 บาท

มาตรการเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการให้ประโยชน์ทางภาษีแก่ประชาชน

ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย

ดอกเบี้ยกู้ยืมที่จ่ายให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้าง สำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืม สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริงได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

การบริจาค

เงินบริจาคสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่บริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน ส่วนเงินบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษเช่น เพื่อการศึกษา การกีฬา โรงพยาบาลรัฐ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนยอดเงินที่บริจาค สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

ข้อควรปฏิบัติกรณีต้องเสียภาษีเพิ่มเติม และ ข้อควรระวังในการจ่ายล่าช้า

หากทำการแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเสร็จเรียบร้อยแล้วพบว่าต้องเสียภาษีเพิ่มเติม ควรดำเนินการชำระยอดเพิ่มเติมดังกล่าวในเวลาที่กำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ โดยหากบุคคลใดยื่นแบบฯ ภายในกำหนดแต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน หรือยื่นแบบฯ ล่าช้า ละเลย หรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบฯ จะต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามกฎหมายกำหนด

การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและค่าลดหย่อนต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เราปฏิบัติตามกฏหมายได้อย่างถูกต้อง และสามารถหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าปรับจากการจ่ายภาษีไม่ถูกต้องหรือล่าช้าได้ รวมไปถึงช่วยในการวางแผนการเงินประจำปีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการลดหย่อนภาระภาษีที่ต้องจ่าย

หนึ่งในวิธีการลดหย่อนภาษีที่ได้รับความนิยมนั่นคือการทำประกันลดหย่อนภาษี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้ว ยังให้ความคุ้มครองชีวิต รวมไปถึงช่วยในการวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ประกันลดหย่อนภาษี ที่น่าสนใจขอแนะนำ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 (BLA Smart Return 10/5) จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) แบบประกันออนไลน์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี พร้อมวางแผนทางการเงิน ด้วยแผนประกันที่มอบความคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี พร้อมกับให้คุณรับเงินคืนก้อนใหญ่ คืนเงินไวกว่ากองทุน SSF

  • ชำระเบี้ยสั้น 5 ปี เบี้ยประกันภัยรายปี เริ่มต้นปีละ 20,000 บาท เฉลี่ยเดือนละพันนิด ๆ
  • ได้รับเงินคืนไว คืนเงินก้อนใหญ่ ดังนี้
    • ปีที่ 5-6 รับเงินคืนปีละ 10%*
    • ปีที่ 7-9 รับเงินคืนปีละ 100%*
    • ปีที่ 10 รับเงินคืน 205%*
    • รวมตลอดสัญญา รับเงิน 525%*
  • ความคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี กรณีเสียชีวิตรับเงินคืนสูงสุด 505%* กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็จะช่วยให้ครอบครัวที่ยังอยู่ได้รับเงินก้อนชดเชย ไม่ลำบาก
    *%ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด เท่ากับว่าคุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องสิทธิลดหย่อนภาษีในระยะเวลาอีก 5 ปี ตามแผนประกันที่ชำระเบี้ย 5 ปี
 

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 (BLA Smart Return 10/5) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีควบคู่ไปกับการวางแผนการเงิน

นอกจากนี้ทุกแบบประกันออนไลน์จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยแต่ละแบบประกันมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น

ประกันสะสมทรัพย์ : มอบความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการสร้างเงินออม
เบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

ประกันบำนาญ : ช่วยวางแผนการเงินสำหรับวัยเกษียณ ช่วยให้มีเงินบำนาญใช้หลังจากเกษียณอายุแล้ว พร้อมกับมอบความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปด้วย
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนกบข. / กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน / กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) / กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ประกันสุขภาพ : ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย
เบี้ยประกันสุขภาพ : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี และรวมกับเบี้ยประกันชีวิตได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราได้รับความคุ้มครองที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ แต่ยังเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการใช้ประโยชน์จากค่าลดหย่อนต่าง ๆ รวมถึงการพิจารณาทำประกันชีวิตที่ช่วยลดหย่อนภาษี จึงเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน สนใจทำประกันออนไลน์กับกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) หรือต้องการศึกษาแผนประกันเพิ่มเติม สามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ https://bla.bangkoklife.com/qxpslUPUHn

อ้างอิง: กรมสรรพากร, finnomena.com

แนะนำผลิตภัณฑ์

Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
thumb-logo

แบบประกันออนไลน์ทั้งหมด

ดูรายละเอียด

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราถือว่าท่านยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ ประกาศความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ ของเรา