ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ควรวางแผนเงินออมอย่างไรดี?
ในปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้เงินออมจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำแทบจะไม่เติบโต รวมถึงมีโอกาสที่จะเติบโตช้ากว่าอัตราเงินเฟ้ออีกด้วย ซึ่งหมายความว่าอำนาจในการซื้อจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เงินออมจำนวนเดิมที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอสำหรับการวางแผนเกษียณในอนาคต เมื่อการรับดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารอาจไม่ได้ตอบโจทย์การออมเงินในระยะยาวอีกต่อไป การวางแผนเงินออมอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เงินสามารถงอกเงยและรักษามูลค่าได้ในระยะยาว โดยปัจจุบันมีทางเลือกการลงทุนหลากหลายแบบที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็อาจให้ทั้งประโยชน์และความเสี่ยงในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ
การต่อยอดเงินออมด้วยการลงทุนมีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบมีระดับความเสี่ยงและประโยชน์ที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถพิจารณาเลือกการลงทุนรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยการลงทุนที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้
- ตราสารหนี้
คือ สินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิการเป็นเจ้าหนี้แก่ผู้ลงทุน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐและตราสารหนี้ภาคเอกชน
- ตราสารหนี้ภาครัฐ
ออกโดยกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์
- ตราสารหนี้ภาคเอกชน
ออกโดยบริษัทเอกชน เช่น ตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้
ประโยชน์จากการลงทุนตราสารหนี้
มีความเสี่ยงต่ำ และแทบไม่มีโอกาสสูญเสียเงินต้น โดยเฉพาะตราสารหนี้จากรัฐบาล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินลงทุนไว้ หรือผู้ที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้
ความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารหนี้
เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ซึ่งบางกรณีอาจให้อัตราผลตอบแทนที่มีมูลค่าน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ หากลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนก็อาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้จากบริษัท จึงควรพิจารณาเลือกบริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงิน และมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้นได้ตามกำหนด
- กองทุนรวม
กองทุนรวมเป็นรูปแบบการลงทุนที่นักลงทุนหลายรายร่วมกันระดมเงินทุนเป็นเงินก้อน จากนั้น ทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะนำเงินที่ระดมได้ไปจดทะเบียนเป็นกองทุน และนำไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ต่าง ๆ เมื่อนักลงทุนซื้อกองทุนรวม ก็จะได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุนตามสัดส่วนของเงินที่ลงทุนไป
ประโยชน์จากการลงทุนกองทุนรวม
ลดความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยดำเนินการ และยังสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก นอกจากนี้ กองทุนรวมบางประเภท เช่น กองทุน RMF หรือ SSF ยังมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ลงทุนอีกด้วย
ความเสี่ยงจากการลงทุนกองทุนรวม
ความเสี่ยงจากการลงทุนในกองทุนรวม อาจเกิดได้ทั้งจากความผันผวนของตลาดที่ส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่กองทุนลงทุนซึ่งอาจกระทบต่อราคาหุ้นและการจ่ายดอกเบี้ย รวมถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่อาจทำให้ไม่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามที่ต้องการ ทั้งนี้ ระดับความเสี่ยงจะแตกต่างกันตามประเภทและนโยบายของแต่ละกองทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงของกองทุนแต่ละประเภทอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
- ทองคำ
เป็นการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาซื้อขายทอง โดยผลตอบแทนจะผันแปรตามราคาทองคำของตลาดโลกและในประเทศ นอกจากการลงทุนในทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณโดยตรงแล้ว ยังมีช่องทางอื่น ๆ ที่เหมาะสำหรับคนที่มีเงินลงทุนน้อย แต่ต้องการผลตอบแทนสูง เช่น กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) และสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)
ประโยชน์จากการลงทุนทองคำ
เป็นการลงทุนที่มีแนวโน้มการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว สภาพคล่องสูง มีความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ในราคาเดียวกันทั่วโลก
ความเสี่ยงจากการลงทุนทองคำ
รูปแบบการใช้ทองคำมีจำกัด มีความผันผวนตามปัจจัยเศรษฐกิจโลก เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็วกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวม Gold ETFs ที่สามารถซื้อขายผ่านออนไลน์ได้สะดวก หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงสำหรับทองคำที่เรามีในช่วงขาลงของตลาด
- หุ้น
การลงทุนในหุ้นเป็นการซื้อขายส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนสามารถทำธุรกรรมด้วยตนเองผ่านบัญชีที่เปิดกับบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นมาจากเงินปันผล ซึ่งเป็นส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้น และกำไรส่วนต่างราคา ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
ประโยชน์จากการลงทุนหุ้น
เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง สามารถซื้อขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาในช่วงเปิดทำการของตลาดหลักทรัพย์ มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง เลือกลงทุนในธุรกิจที่สนใจได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนก่อตั้งธุรกิจเอง
ความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้น
หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง โดยราคามีการปรับขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะขาดทุน นักลงทุนในหุ้นจึงต้องยอมรับความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันกับเจ้าของบริษัท การลงทุนในหุ้นจึงเหมาะสมกับผู้ที่มีเวลาในการติดตามข้อมูลข่าวสารและวิเคราะห์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุนพอสมควร
- ประกันสะสมทรัพย์
ประกันสะสมทรัพย์เป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่ง ที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับการออมเงิน โดยจะได้รับผลตอบแทนทั้งระหว่างสัญญาและเมื่อครบกำหนดสัญญาตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยผลตอบแทนของหลาย ๆ แบบประกัน ได้รับมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ประโยชน์จากการลงทุนซื้อประกันสะสมทรัพย์
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน มีจุดเด่นในการให้ความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้ถือกรมธรรม์ ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าครอบครัวจะยังคงมีความมั่นคงทางการเงินแม้ผู้ทำประกันเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี และหากส่งเบี้ยประกันได้ครบตามกำหนด ก็จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยวางแผนและสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่ทั้งผู้ทำประกันและคนในครอบครัว
ความเสี่ยงจากการลงทุนซื้อประกันสะสมทรัพย์
ประกันสะสมทรัพย์อาจมีสภาพคล่องต่ำกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น ที่ไม่สามารถเบิกถอนได้ทันที แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นข้อดีที่ช่วยสร้างความมั่นคงในการออมเงินให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น การวางแผนการออมเงินให้ดี และเลือกประกันสะสมทรัพย์ที่เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งในมุมของค่าเบี้ยประกันภัยที่สามารถจ่ายได้ ความคุ้มครองที่ได้รับ รวมถึงผลประโยชน์เงินคืน จะช่วยให้คุณสามารถต่อยอดเงินออมให้เติบโตงอกเงยเพิ่มขึ้นได้
ยกตัวอย่าง 2 แบบประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้น จากกรุงเทพประกันชีวิต ที่มอบผลประโยชน์เงินคืนในทุก ๆ ปี ตลอดระยะเวลาสัญญา พร้อมมอบความคุ้มครองชีวิตนานถึง 10 ปี
- ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1
- จ่ายครั้งเดียวจบ รับเงินคืนทุกปี ปีละ 1.75%* รวมตลอดสัญญารับ 117.5%* (*%ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
- เงินเอาประกันภัยเริ่มต้นปีละ 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/2
- อีกหนึ่งแบบประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้น จ่ายเบี้ยฯ สั้น 2 ปี
- ได้รับเงินคืนทุกปี ปีละ 2%* รวมตลอดสัญญา 226%* (*%ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
- เงินเอาประกันภัยเริ่มต้นปีละ 30,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
การลงทุนแต่ละรูปแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและโอกาสของแต่ละทางเลือกจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th) เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th)
ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนรูปแบบใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจถึงความเสี่ยงและการลงทุนอย่างมีสติ ซึ่งจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความมั่นคงทางการเงินและสามารถวางแผนการออมเงินในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ แม้ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากไม่เป็นใจก็ตาม การมองหาทางเลือกใหม่ ๆ อย่างการทำประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ทั้งผลตอบแทนเงินคืนและความคุ้มครองพร้อมกัน เป็นอีกทางเลือกในการออมเงินที่ต่อยอดเงินเก็บได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องยุ่งยากและเสียเวลาในการบริหารจัดการ เหมาะสำหรับการวางแผนเงินออมในยุคปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่สนใจทำประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) มีประกันสะสมทรัพย์หลากหลายแผนความคุ้มครอง ที่ตอบโจทย์แผนทางการเงินที่มั่นคงสำหรับคุณ สามารถซื้อออนไลน์ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย สามารถกดคำนวณเบี้ย ดูรายละเอียด เปรียบเทียบความคุ้มครอง และซื้อออนไลน์ได้ด้วยตนเองง่าย ๆ พร้อมอนุมัติความคุ้มครองกรมธรรม์ภายใน 1- 3 วันทำการ
สนใจศึกษารายละเอียดแผนประกันอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://bla.bangkoklife.com/qxpslUPUHn