ปลดล็อกคำถาม ประกันสะสมทรัพย์ คืออะไร เหมาะกับใคร?
ประกันสะสมทรัพย์ เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ช่วยให้คุณวางรากฐานทางการเงินสู่ความมั่นคงในอนาคตได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตเอาไว้ในแผนเดียวกัน เมื่อครบกำหนดสัญญา คุณจะได้รับผลประโยชน์เงินคืนรวม ซึ่งจะเป็นเงินทุนสำรองที่มั่นคงสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างสบายใจ นอกจากนี้ ในระหว่างระยะเวลาการเอาประกันภัย คุณยังได้รับความคุ้มครองชีวิต หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ครอบครัวของคุณจะได้รับเงินคืนเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงสำหรับพวกเขาอีกด้วย
ประกันสะสมทรัพย์ เหมาะกับใคร?
ประกันสะสมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับบุคคลหลากหลายกลุ่มเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
- บุคคลที่ต้องการวางแผนการเงิน : เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน มีเงินใช้อย่างสบายใจในอนาคต ประกันสะสมทรัพย์ถือเป็นการวางแผนที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยให้สามารถสร้างเงินออมและสะสมผลประโยชน์ได้ในระยะยาว ซึ่งผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับจากประกันสะสมทรัพย์ ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
- บุคคลที่ต้องการลดหย่อนภาษี : สำหรับผู้มีรายได้ประจำ การลงทุนในประกันสะสมทรัพย์นับเป็นช่องทางที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ช่วยลดภาระภาษีในแต่ละปีได้
- บุคคลที่ต้องการสร้างความมั่นคงส่งต่อลูกหลาน : สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการสร้างมรดกและทรัพย์สินให้แก่ลูกหลานในอนาคต ประกันสะสมทรัพย์ถือเป็นการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้ และช่วยสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่ครอบครัวในระยะยาว
- บุคคลที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและการสะสมเงินไปพร้อมกัน : ประกันสะสมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากผสมผสานการให้ความคุ้มครองชีวิตและการสะสมเงินไว้ในแผนเดียวกัน ทำให้ได้รับประโยชน์สองทางจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของประกันสะสมทรัพย์ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าหลายกลุ่ม เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการวางแผนทางการเงิน การสร้างความมั่นคงและการสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่ชีวิตและครอบครัวได้อย่างครบถ้วน
การเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้
การเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ถือเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ และได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญมีดังต่อไปนี้
- ระยะเวลาและวัตถุประสงค์ในการออมเงิน เป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดแผนการออมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล หากมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บเงินก้อนให้คงอยู่และได้รับเงินคืน เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต ก็ควรเลือกแผนประกันที่มีระยะเวลาการออมและลงทุนนานอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีเวลาสะสมผลประโยชน์ได้มากพอสำหรับใช้จ่าย
- ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นประจำทุกปีตามกำหนด โดยต้องคำนึงถึงรายได้ประจำและภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย เพื่อไม่ให้การจ่ายเบี้ยประกันเป็นภาระจนเกินไป ซึ่งเบี้ยประกันไม่ควรเกิน 10 - 20% ของรายได้ จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
- ผลตอบแทนการลงทุนจากแผนประกันแบบต่าง ๆ ควรพิจารณาทั้งในรูปแบบของอัตราผลประโยชน์เงินคืน รวมถึงรูปแบบของระยะเวลาในการคืนเงิน ซึ่งแต่ละแบบประกันจะแตกต่างกันออกไป เช่น แบบประกันที่คืนเงินทุก ๆ ปีตลอดระยะเวลาสัญญา หรือแบบประกันที่คืนเงินก้อนใหญ่ ซึ่งจะตอบโจทย์คนที่ต้องการเงินก้อน สำหรับนำไปใช้จ่ายก้อนใหญ่ หรือนำไปลงทุนต่อยอด
- ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม นอกเหนือจากผลประโยชน์เงินคืนแล้ว ควรพิจารณาถึงความคุ้มครองเพิ่มเติมต่าง ๆ เช่น ความคุ้มครองชีวิต การคุ้มครองอุบัติเหตุ โรคร้ายแรง การชดเชยรายได้ระหว่างป่วย เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
- ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการดำเนินงานของบริษัทประกันชีวิต เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเลือกใช้บริการจากบริษัทที่มีความมั่นคงและมีประสบการณ์ย่อมเป็นหลักประกันได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองและผลตอบแทนตามที่ได้ทำสัญญากันไว้
การพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นอย่างละเอียดรอบคอบ จะช่วยให้การเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์เป็นไปอย่างเหมาะสมและตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางการเงิน และมีหลักประกันที่มั่นคงสำหรับอนาคต
ประกันสะสมทรัพย์จากกรุงเทพประกันชีวิตที่เหมาะกับคุณ
กรุงเทพประกันชีวิต ได้ออกแบบและนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ 2 แบบ ที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ได้แก่ "บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1" และ "บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5”
- บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1
ประกันสะสมทรัพย์ เน้นความสะดวก ทั้งในการชำระเบี้ยและใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เนื่องจากจ่ายเบี้ยฯ ครั้งเดียวจบ รับเงินคืนทุกปี พร้อมรับความคุ้มครองชีวิต 10 ปี มีคุณสมบัติสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้
- รับประกันผลประโยชน์เงินคืนในอัตราคงที่ รับเงินคืนทุกปี 1.75% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- รับผลประโยชน์เงินคืนรวมสูงสุดตลอดสัญญา ถึง 117.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- การชำระเบี้ยประกันภัยเพียงครั้งเดียวจบในปีแรก ช่วยให้สบายใจเรื่องเบี้ยในปีต่อ ๆ ไป
-
ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
ตัวอย่าง
นาย A อายุ 30 ปี ต้องการประกันสะสมทรัพย์ นาย A เลือก บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 โดยชำระเบี้ยประกันแบบครั้งเดียว 100,000 บาท
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาความสะดวกและคล่องตัวในการทำประกันสะสมทรัพย์ เนื่องจากจ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว แต่ได้รับผลตอบแทนแน่นอนเป็นรายปี รับความคุ้มครองชีวิตตลอดระยะเวลา 10 ปี และประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
- บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5
ประกันสะสมทรัพย์ จ่ายเบี้ยสั้น 5 ปี พร้อมรับเงินคืนก้อนใหญ่ รับผลตอบแทนคืนไวตั้งแต่ปีที่ 5 พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี มีรายละเอียดผลประโยชน์เงินคืนดังนี้
ตัวอย่าง
นาย A อายุ 30 ปี ต้องการประกันสะสมทรัพย์ นาย A เลือก บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 โดยชำระเบี้ยประกันปีละ 20,000 บาท
บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนคืน สำหรับนำไปเป็นค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ หรือนำไปใช้ต่อยอดในการลงทุน พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตด้วย
หมายเหตุ
- โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัย ทั้งนี้ เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นอย่างสมบูรณ์จะระบุในกรมธรรม์
- สามารถกดคำนวณเบี้ย ดูรายละเอียดความคุ้มครอง และซื้อออนไลน์ด้วยตัวเองได้เลย ที่เว็บไซต์ https://www.bangkoklife.com/online/th
อ้างอิง :