tax-benefits-buying-insurance-thumb

3 ข้อควรรู้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการซื้อประกัน

Facebook
Copy
tax-benefits-buying-insurance-thumb

การวางแผนการเงินที่ดีไม่เพียงช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางภาษีของแต่ละบุคคลได้ด้วย ซึ่งหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพก็คือการซื้อประกันเพื่อนำมาลดหย่อนภาษี บทความนี้ขอพาไปสำรวจเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เงื่อนไขต่าง ๆ ตลอดจนขั้นตอนในการดำเนินการลดหย่อนภาษี เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินและลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

1. ประกันชีวิต ประกันลดหย่อนภาษี

  1. ประกันชีวิตทั่วไป
    ประกันที่มอบความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้เอาประกัน ในกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิต บริษัทประกันจะจ่ายเงินตามที่ระบุในสัญญาให้แก่ผู้รับประโยชน์ ซึ่งประกันชีวิตแบบทั่วไปที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ มีหลายรูปแบบ ดังนี้

    1.1) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) เน้นคุ้มครองชีวิตในระยะยาว ซึ่งจ่ายเบี้ยฯ เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น (เช่น 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแบบประกัน) โดยเบี้ยประกันไม่สูงมาก คงที่ตลอดสัญญา และผู้เอาประกันได้รับความคุ้มครองไปตลอดชีวิต

    1.2) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) เน้นความคุ้มครองชีวิตในระยะเวลาสั้น ๆ สามารถเลือกระยะเวลาความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการได้อย่างเหมาะสม หากครบกำหนดสัญญาคุ้มครอง แล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่ได้รับทุนประกันคืน

    1.3) ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องการออมเงินควบคู่ไปด้วย โดยจะได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ซึ่งจะมากกว่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไป พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย และยังใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้

    สิทธิลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตทั่วไป ข้อ 1.1) – 1.3) : สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็จะลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

    1.4) ประกันชีวิตควบการลงทุน (Investment Linked Life Insurance) ให้ความคุ้มครองชีวิต และให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ (1) ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน (2) ส่วนความคุ้มครอง และ (3) ส่วนที่นำไปลงทุน

    โดยส่วนที่ (1) และ (2) เมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปอื่น ๆ สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท สำหรับส่วนที่ (3) ที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
     

    เงื่อนไขการใช้ประกันชีวิตแบบทั่วไปลดหย่อนภาษี :

    • ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น
    • มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
    • กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
    • หากมีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิประกันลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย

  2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
    ประกันชีวิตควบคู่การออมเงินคล้ายประกันสะสมทรัพย์ โดยผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนในรูปแบบของเงินบำนาญ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองของแต่ละแบบประกัน) ประกันชีวิตแบบบำนาญสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี
    • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท กรณีที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป โดยสามารถแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปลดหย่อนในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาทได้ และลดหย่อนภาษีในส่วนของประกันชีวิตแบบบำนาญได้อีกสูงสุด 200,000 บาท รวมเป็น 300,000 บาท
    • ผู้ยื่นขอลดหย่อนภาษีต้องมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และจ่ายเบี้ยประกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงเหมาะสำหรับการวางแผนรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในระยะยาว

  3. ประกันสุขภาพ
    นอกเหนือจากประกันชีวิตแบบทั่วไป กับประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ประกันสุขภาพก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ตามรายละเอียดดังนี้
    • ประกันสุขภาพ ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ
    • ประกันภัยอุบัติเหตุ ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อผู้เอาประกันประสบอุบัติเหตุ ได้รับความบาดเจ็บทางร่างกาย รวมถึงการสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ การแตกหักของกระดูก
    • ประกันภัยโรคร้ายแรง ประกันที่ให้ความคุ้มครองเมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวกับเนื้องอก โรคที่เกี่ยวกับหัวใจหรือหลอดเลือด
    • ประกันภัยการดูแลระยะยาว ประกันที่ให้ความคุ้มครองกรณีที่ผู้เอาประกันไม่สามารถทำกิจกรรมอย่างน้อย 3 ใน 5 อย่างได้ด้วยตนเอง (การเปลี่ยนจากนอนไปนั่ง การเดิน การแต่งกาย การอาบน้ำชำระร่างกาย การรับประทานอาหาร) โดยต้องเป็นต่อเนื่องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 180 วัน
     

    สิทธิลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพ:

    ประกันสุขภาพส่วนบุคคล: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี

    • สามารถนำไปลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี ทั้งนี้เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
    • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวผู้เอาประกันเท่านั้น
     

    ประกันสุขภาพบิดามารดา: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี

    • เบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ ใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี และสามารถแบ่งจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ร่วมกับพี่น้องได้ โดยจะลดหย่อนได้สูงสุดตามยอดเงินที่หารเฉลี่ยด้วยจำนวนพี่น้อง
    • บิดามารดาของผู้เอาประกันต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
    • ผู้เอาประกันเองหรือบิดาหรือมารดา ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทย 180 วันในปีที่ต้องนำไปลดหย่อนภาษี

2. ประกันลดหย่อนภาษี กรุงเทพประกันชีวิต คุ้มครองจบ จ่ายภาษีน้อยลง

กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) มีประกันหลากหลายแผนที่นอกจากจะให้สิทธิประโยชน์ในการนำไปลดหย่อนภาษีแล้ว ยังมาพร้อมความคุ้มครองที่คุ้มค่าอย่างการมอบผลประโยชน์เงินคืน วันนี้เราได้รวบรวมประกันลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจไว้ให้คุณแล้ว

  • ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5
    • ประกันลดหย่อนภาษีที่มอบความคุ้มครองชีวิต 10 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยฯ 5 ปี พร้อมรับเงินคืนได้ตั้งแต่ปีที่ 5 ของวันครบรอบปีกรมธรรม์
    • คุ้มค่า รับเงินคืนก้อนใหญ่ ปีที่ 7-9 รับคืน 100%* ปีที่ 10 รับคืน 205%*
    • มอบผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 525%* (*% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1
    • ประกันสะสมทรัพย์ที่มอบความคุ้มครองชีวิต 10 ปี ชำระเบี้ยประกันครั้งเดียวจบ พร้อมรับเงินคืนทุกปี ปีละ 1.75%*
    • ผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 117.5%* (*% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/2
    • ประกันสะสมทรัพย์ที่มอบความคุ้มครองชีวิต 10 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยสั้น 2 ปี พร้อมรับเงินคืนทุกปี ปีละ 2%*
    • ผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 226%* (*% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 15/10
    • ประกันสะสมทรัพย์ที่มอบความคุ้มครองชีวิต 15 ปี พร้อมรับเงินคืนทุกปี ปีละ 2%*
    • ครบกำหนดสัญญา รับเงินคืน 208%* พร้อมความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 130%* (*% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
    • เลือกจ่ายเบี้ยฯ รายเดือน หรือรายปี ช่วยให้วางแผนการเงินที่เหมาะกับคุณได้
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันบำนาญ แฮปปี้ เพนชั่น (มีเงินปันผล)
    • ประกันเพื่อการเกษียณสบายใจ ที่คุณสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้เอง คือ ชำระครั้งเดียวจบ/แบ่งชำระ 5 ปี/ 10 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี
    • อุ่นใจในอนาคต การันตีรับเงินบำนาญทุกปี ตั้งแต่อายุ 60-99 ปี
    • มีโอกาสรับเงินบำนาญเพิ่มพิเศษตลอดสัญญา**
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันสุขภาพ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์
    • มอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อแอดมิท สูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อครั้ง 1 ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี
    • ทุกแผนคุ้มครองชีวิต 50,000 บาท และคุ้มครอง 20 โรคร้ายแรง 100,000 บาท
    • ครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยวราคาเริ่มต้นของโรงพยาบาล 1
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี ทั้งนี้เมื่อรวมเบี้ยประกันภัยตามที่จ่ายจริงทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
      1 สำหรับแผนความคุ้มครอง 3

  • ประกันโรคร้ายแรง สุขภาพ สุขสันต์ (ออนไลน์)
    • ประกันสุขภาพที่มอบความคุ้มครองมะเร็ง และโรคร้ายแรงอื่น ๆ รวม 50 โรคร้ายแรง รับผลประโยชน์ทันทีสูงสุด 3 ล้านบาท
    • รับเงินก้อนใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล และเงินสำรองการดำรงชีวิต ทันทีที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง
    • เบี้ยประกันภัยคงที่ตลอดอายุสัญญา ไม่ปรับเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี ทั้งนี้เมื่อรวมเบี้ยประกันภัยตามที่จ่ายจริงทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  • ประกันอุบัติเหตุ พีเอ อุ่นใจรัก (ออนไลน์)
    • คุ้มครองอุบัติเหตุตลอดทั้งปี คุ้มครองทุกที่ ตลอด 24 ชม. เบี้ยฯ รายปี จ่ายครั้งเดียวจบ รับประกันภัยชั้นอาชีพ 1 และ 2
    • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี รวมถึงคุ้มครองกรณีกระดูก แตกหัก ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และการบาดเจ็บอวัยวะภายใน
    • ชดเชยรายได้กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
    • สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้: ลดหย่อนภาษีได้ตามชั้นอาชีพ สูงสุด 25,000 บาทต่อปี ทั้งนี้เมื่อรวมเบี้ยประกันภัยตามที่จ่ายจริงทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

3. ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี

การลดหย่อนภาษีจากการซื้อประกันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและครบถ้วน โดยขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นในการลดหย่อนภาษี มีดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการลดหย่อนภาษี

  1. รวบรวมข้อมูลรายได้ทั้งหมดในปีภาษีนั้น
    ก่อนอื่นเพื่อให้เห็นภาพรวมของรายได้ คุณต้องลิสต์แหล่งรายได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือนประจำ โบนัส หรือรายได้พิเศษอื่น ๆ ออกมา จากนั้นให้ตรวจสอบหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากนายจ้างทุกที่ที่เราทำงานในปีนั้นว่าข้อมูลที่ได้มาถูกต้องหรือไม่

  2. รวบรวมหลักฐานค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
    ขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบ เพราะต้องค้นหาและจัดระเบียบใบเสร็จรับเงินทุกรายการที่เข้าข่ายการลดหย่อนภาษีได้ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันทุกประเภท โดยอาจแยกหมวดหมู่ตามประเภทการประกัน เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันบำนาญ เป็นต้น

  3. กรอกแบบฟอร์มภาษี
    เมื่อมีข้อมูลครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกรอกแบบฟอร์มภาษี ซึ่งจะกรอกฟอร์มไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ นั่นคือ หากเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือมีรายได้จากการจ้างแรงงาน ให้เลือกกรอกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 แต่หากคุณเป็นผู้มีเงินได้จากการประกอบธุรกิจหรือจากการลงทุน ให้เลือกกรอกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.90 และสิ่งสำคัญคือต้องกรอกแบบฟอร์มให้ถูกต้องครบถ้วน ทั้งข้อมูลส่วนตัว รายได้ และรายการลดหย่อนภาษีทั้งหมด

  4. แนบเอกสารหลักฐานประกอบการลดหย่อนภาษี
    เรื่องของหลักฐานประกอบก็สำคัญ แนะนำว่าให้จัดเตรียมสำเนาเอกสาร และเรียงลำดับให้ตรงกับรายการในแบบฟอร์ม พร้อมกับลงนามรับรองสำเนาถูกต้องในทุกฉบับด้วย จะช่วยให้เตรียมเอกสารได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

  5. เลือกช่องทางการยื่นแบบลดหย่อนภาษี
    รวมรวบเอกสารเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ซึ่งปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ ทางไปรษณีย์ หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใกล้บ้าน แต่ต้องไม่ลืมยื่นภายในเวลาที่กำหนด

  6. ชำระภาษีหรือขอคืนภาษี
    ขั้นตอนสุดท้ายคือการชำระภาษีหรือขอคืนภาษี ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการคำนวณภาษีของแต่ละคน หากต้องชำระเพิ่ม คุณสามารถชำระได้ผ่านหลายช่องทาง เช่น ธนาคาร เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือโอนผ่าน Mobile Banking แต่หากชำระภาษีไว้เกิน ก็สามารถขอคืนได้โดยระบุในแบบฟอร์มแสดงรายการ และไม่ว่าจะเป็นแบบกรณีใด ก็ควรเก็บหลักฐานการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไว้เสมอ

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการลดหย่อนภาษี

  1. หลักฐานแสดงรายได้
    • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
    • สลิปเงินเดือน
  2. หลักฐานการลดหย่อนภาษี
    • ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกัน หรือใบรับรองการชำระเบี้ยประกันจากบริษัทประกัน
    • สำเนากรมธรรม์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ
    • หนังสือรับรองเบี้ยประกันจากบริษัทประกัน (กรณีประกันชีวิตแบบบำนาญ)
  3. เอกสารแสดงตน
    • สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียภาษี

ครบทั้ง 3 ข้อ สำหรับเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้จากการซื้อประกัน หากศึกษา วางแผน และดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นอย่างรอบคอบก็จะช่วยให้กระบวนการลดหย่อนภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าภาษีที่ต้องจ่ายได้ไม่มากก็น้อย พร้อมจัดการเงินได้อย่างสมดุลและยั่งยืนระยะยาว และหากคุณสนใจวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยประกันออนไลน์ของกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละแผนได้บนเว็บไซต์นี้ และสามารถซื้อประกันออนไลน์ได้บนเว็บไซต์เช่นเดียวกัน https://bla.bangkoklife.com/qxpslUPUHn​

โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัย ทั้งนี้ เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นอย่างสมบูรณ์จะระบุในกรมธรรม์

**บริษัทอาจพิจารณาเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษให้ในช่วงรับเงินบำนาญ โดยจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษนี้ จะขึ้นอยู่กับเงินปันผล ณ วันครบรอบปีกรมธรรมที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี ซึ่งคำนวณมาจากผลตอบแทนจากการลงทุนของสินทรัพย์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล ตั้งแต่วันที่สัญญาเริ่มมีผลคุ้มครอง จนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี หลังหักด้วยต้นทุนทั้งหมดของกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งบริษัทจะจัดสรรในอัตราร้อยละ 80 ให้แก่ผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อกำหนด และวิธีการคำนวณเงินปันผลที่บริษัทพิจารณา ณ วันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตหรือขอใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยก่อนวันครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 59 ปี บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่พิจารณาเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มพิเศษ

 

อ้างอิง : humansoft.co.th

แนะนำผลิตภัณฑ์

Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
Unknown Product

Unknown Product

No description available

No details available

ดูรายละเอียด
thumb-logo

แบบประกันออนไลน์ทั้งหมด

ดูรายละเอียด

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราถือว่าท่านยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ ประกาศความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ ของเรา