เคล็ดลับดี ๆ ‘แค่มี Balance ชีวิตก็ไม่ Burnout’

เคล็ดลับดี ๆ ‘แค่มี Balance ชีวิตก็ไม่ Burnout’

ในยุคสังคมที่ความเร็วเป็นใหญ่ ทุกคนต่างต้องแข่งขัน ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้าในอาชีพการงาน และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หรือแบบก้าวกระโดด แต่บางทีก็ไม่อาจเป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป หลายคนกลับพบกับปัญหาสุขภาพจิต เกิดอาการ ‘Burnout’ ซึ่งเป็นภาวะหมดไฟในการทำงาน ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

อาการ ‘Burnout’ คืออะไร?

Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ภาวะความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และร่างกาย เกิดจากความเครียดสะสมเป็นเวลานานจากการทำงานอย่างหนัก ซึ่งทำให้รู้สึกไร้พลัง ไร้แรงจูงใจ และไม่มีความสุขในการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา ภาวะนี้พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงาน โดยเฉพาะในวัยรุ่นและหนุ่มสาว จากรายงานปี 2023 พบว่า กลุ่มวัย 18-24 ปี มีอัตราการเกิด Burnout สูงถึง 47% เพิ่มขึ้น 21% จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กลุ่มคนทำงานที่อายุระหว่าง 25-34 ปี และ 35-44 ปี ก็มีแนวโน้มเกิดอาการ Burnout สูงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานจากที่บ้านหรือทำงานแบบไฮบริด

องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มคนทำงานมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะ Burnout โดยเฉพาะในสายงานที่มีความเครียดสูง เช่น แพทย์ พยาบาล ครู และผู้ที่ทำงานในสายเทคโนโลยี จึงได้จัดให้ Burnout เป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานโดยเฉพาะ โดยลักษณะสำคัญจะประกอบด้วย 3 มิติหลัก ดังนี้

  1. ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และร่างกาย: รู้สึกหมดพลัง เหนื่อยล้าอย่างมาก แม้จะได้พักผ่อนแล้วก็ยังรู้สึกไม่สดชื่น
  2. ความรู้สึกแยกตัวหรือไม่ยึดโยงกับงาน: เกิดทัศนคติด้านลบต่องาน รู้สึกเหินห่างจากงานและเพื่อนร่วมงาน อาจแสดงออกมาในรูปแบบของความไม่ใส่ใจหรือความเย็นชา
  3. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง: รู้สึกไร้ความสามารถ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

สาเหตุของการเกิด ‘Burnout’

หลายคนอาจเข้าใจว่าสาเหตุของการเกิด Burnout นั้นมาจากการทำงานที่หนักจนเกินไป ไม่มี Work Life Balance แต่แท้จริงแล้ว การโหมงานหนักและไม่มีเวลาให้ตัวเองเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยเท่านั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะนี้ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานและลักษณะส่วนบุคคล ดังนี้

  1. ปริมาณงานที่มากเกินไป
    • การทำงานหนักเกินไปโดยไม่มีเวลาพัก
    • เป้าหมายหรือกำหนดส่งงานที่ไม่สมเหตุสมผล

  2. ขาดการควบคุมในงาน
    • ไม่มีอิสระในการตัดสินใจหรือจัดการงานของตนเอง
    • ขาดทรัพยากรที่จำเป็นในการทำงานให้สำเร็จ

  3. ขาดการยอมรับหรือรางวัล
    • ไม่ได้รับการชื่นชมหรือยอมรับในผลงาน
    • ค่าตอบแทนไม่สมดุลกับความทุ่มเทในการทำงาน

  4. ความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน
    • การเลือกปฏิบัติหรือการประเมินผลงานที่ไม่ยุติธรรม
    • กฎระเบียบหรือนโยบายที่ไม่สมเหตุสมผล

  5. ความขัดแย้งในค่านิยม
    • งานที่ทำขัดกับค่านิยมส่วนตัว
    • ต้องทำงานที่ขัดกับหลักจริยธรรมของตนเอง

  6. ขาดการสนับสนุนทางสังคม
    • ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า
    • ขาดการสื่อสารที่ดีในทีม

  7. ขาดความสมดุลระหว่างชีวิตและงาน
    • ไม่มีเวลาสำหรับชีวิตส่วนตัวหรือครอบครัว
    • ต้องทำงานนอกเวลาหรือในวันหยุดบ่อยครั้ง

  8. ความคาดหวังที่ไม่ชัดเจน
    • บทบาทหน้าที่ในงานไม่ชัดเจน
    • เป้าหมายของงานไม่แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงบ่อย

  9. สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ดี
    • สถานที่ทำงานไม่เหมาะสม เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ เสียงดังรบกวน
    • อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการทำงานไม่เพียงพอหรือล้าสมัย

  10. ลักษณะส่วนบุคคล
    • บุคลิกภาพนิยมความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism)
    • มีแนวโน้มที่จะวิตกกังวลหรือมองโลกในแง่ร้าย

ผลกระทบจากการมีภาวะ ‘Burnout’

ภาวะ Burnout ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพกายและใจ ตลอดจนคุณภาพชีวิตโดยรวม ลองมาดูผลกระทบสำคัญที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะ Burnout กัน

ผลกระทบด้านสุขภาพร่างกาย
  • เหนื่อยล้าเรื้อรัง ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ภูมิต้านทานลดลง เจ็บป่วยง่าย
  • นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
  • ปัญหาระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องเสีย หรือท้องผูก
ผลกระทบด้านสุขภาพจิต
  • เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า
  • ขาดแรงจูงใจ รู้สึกสิ้นหวัง
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • ความภาคภูมิใจในตนเองลดลง
ผลกระทบต่อการทำงาน
  • ประสิทธิภาพลดลง ขาดความคิดสร้างสรรค์
  • มีปัญหาในการตัดสินใจ
  • แยกตัวจากเพื่อนร่วมงาน
  • ขาดงานบ่อยหรือมาสาย
ผลกระทบต่อพฤติกรรม
  • พึ่งพาสารเสพติด แอลกอฮอล์ หรือคาเฟอีนมากขึ้น
  • เปลี่ยนแปลงนิสัยการรับประทานอาหาร (กินมากหรือน้อยเกินไป)
  • ขาดการออกกำลังกาย
ภาวะ Burnout หากเราไม่ตระหนักรู้และรีบจัดการ ปัญหานี้จะเรื้อรังและอยู่ติดตัวเราไปอีกนาน จนเกิดเป็นผลกระทบระยะยาวที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้
 

ทำความรู้จักกับ ‘Work Life Balance’

จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ในปัจจุบันเราต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมักเหลื่อมซ้อนกัน การรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว หรือที่เรียกว่า ‘Work Life Balance’ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม Work Life Balance คือ การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว โดยจัดสรรเวลา พลังงาน และความใส่ใจให้แก่ทั้งสองด้านอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว เป็นการจัดการชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเครียด เพิ่มและคงไว้ซึ่งความสุขในทุกด้านของชีวิต ทั้งอาชีพการงาน ครอบครัว สุขภาพ รวมถึงการพัฒนาตนเอง ที่สำคัญคือ Work Life Balance ที่ดีจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ค่านิยม และสถานการณ์ชีวิตของแต่ละบุคคล

Work Life Balance เทคนิคการจัดการภาวะ Burnout

การป้องกันภาวะ Burnout เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการรักษา Work Life Balance ให้กับชีวิตการทำงาน และนี่คือเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้

การจัดการความรู้สึก
  • ฝึกสติและการทำสมาธิ เพื่อจัดการกับความเครียด
  • รู้จักการปล่อยวางและไม่ยึดติดกับงานมากเกินไป
  • หาเวลาทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น งานอดิเรก หรือการออกกำลังกาย
  • พูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจเมื่อรู้สึกเครียด
การบริหารเวลา
  • จัดลำดับความสำคัญของงานและกิจกรรมต่าง ๆ
  • ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถทำได้จริง
  • ใช้เทคนิค Pomodoro ในการทำงาน คือ จัดการแบ่งเวลาออกเป็น ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที โดยใน 25 นาทีนี้ จะต้องโฟกัสแค่งานใดงานหนึ่งเพียงงานเดียวเท่านั้น เพื่อให้เกิดสมาธิสูงสุดในการทำงานตลอด 25 นาที
  • กำหนดเวลาเริ่มและเลิกงานที่ชัดเจน
  • เรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานที่เกินกำลังหรือไม่จำเป็น

ประโยชน์ของการมี Work Life Balance

การรักษา Work Life Balance เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยความพยายามและการปรับตัว แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของความสุข สุขภาพ และคุณภาพชีวิตโดยรวม ยกตัวอย่างเช่น

  1. สภาพจิตใจ
    • ลดความเครียดและความวิตกกังวล
    • เพิ่มความสุขและความพึงพอใจในชีวิต
    • ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า

  2. สภาพร่างกาย
    • ช่วยให้มีเวลาดูแลสุขภาพและออกกำลังกายมากขึ้น
    • ลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง
    • ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น

  3. การใช้ชีวิต
    • มีเวลาคุณภาพกับครอบครัวและคนที่รัก
    • สามารถพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากงาน
    • มีโอกาสในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และความทรงจำที่ดี

การรักษา Work Life Balance เป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณภาพ เริ่มต้นจากการตระหนักถึงความสำคัญและค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดสะสมที่อาจนำไปสู่ภาวะ Burnout นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ประกันสุขภาพ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์ (BLA Complete Health) ประกันสุขภาพออนไลน์ จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) มี 3 แผนความคุ้มครองสุขภาพให้เลือก เพื่อตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญคือไม่ต้องตรวจสุขภาพด้วย

  • ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5 ล้านบาท ต่อครั้ง 1 ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี
  • คุ้มครองครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยวราคาเริ่มต้นของโรงพยาบาล 1
  • รับ 100,000 บาท เมื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 1 ใน 20 โรค เป็นครั้งแรก
  • กรณีเข้าพักรักษาตัวจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง รับผลประโยชน์รวมสูงสุดเพิ่มเป็น 5,500,000 บาท 1
  • เลือกชำระเบี้ยแบบรายปีหรือรายเดือนได้ ช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินได้
  • สามารถเลือกกำหนดแผนความคุ้มครองแบบมีความรับผิดส่วนแรก 2 เพื่อลดค่าเบี้ยประกันภัยให้ถูกลง จัดสรรให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณได้เลย
  • เบี้ยประกันภัยของ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์ สามารถลดหย่อนภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าชีวิตจะพบเจออะไรก็พร้อมรับมือ ให้คุณสามารถโฟกัสกับการสร้าง Work Life Balance และใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สนใจสมัครประกันสุขภาพออนไลน์ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์ (BLA Complete Health) สามารถกดคำนวณเบี้ย ซื้อออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ได้ที่เว็บไซต์ https://bla.bangkoklife.com/oBmNnfgGID


​โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัย ทั้งนี้ เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นอย่างสมบูรณ์จะระบุในกรมธรรม์ การแถลงสุขภาพเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณารับประกันภัย หรือพิจารณาการจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัย

1 สำหรับแผนความคุ้มครอง 3
2 ความรับผิดส่วนแรก (Deductible) หมายถึง ความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับภาระตามข้อตกลงของสัญญาประกันภัย

อ้างอิง