การเสียภาษีของบุคคลธรรมดาจะขึ้นอยู่กับรายได้โดยรวมต่อปีของแต่ละบุคคล หากเป็นผู้ที่มีรายได้จากงานประจำอย่างเดียวและผู้มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาทจะไม่ต้องยื่นและไม่ต้องเสียภาษี ส่วนผู้ที่มีเงินได้ที่ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี มีหน้าที่ของผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีการกำหนดขอบเขตของรายได้ที่ต้องยื่นภาษีและต้องเสียภาษี ไว้ดังนี้

  • เงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี

คิดคำนวณเป็นรายได้สุทธิตามสูตร

รายได้สุทธิ = รายได้ตลอดทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
  • รายได้ตลอดทั้งปี
    ได้แก่เงินได้ทั้งหมดที่ได้รับในปีที่คิดภาษี ซึ่งรวมถึงเงินเดือน โบนัส ค่าคอมมิชชัน เบี้ยเลี้ยง เงินได้จากงานอิสระ
  • ค่าใช้จ่าย
    โดยทั่วไปจะคิดแบบเหมารวมซึ่งสามารถนำมาหักได้ 50% ของรายได้จากงานประจำ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าลดหย่อน
    ค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่กฎหมายอนุญาตให้หักจากรายได้ หรือที่เรียกกันว่าการลดหย่อนภาษีโดยมีค่าลดหย่อนส่วนตัวที่หักได้ 60,000 บาทต่อคน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้จากค่าลดหย่อนประกันชีวิต ค่าลดหย่อนกองทุนรวม หรือค่าลดหย่อนสำหรับการบริจาค

ต้องนำจำนวนรายได้สุทธิทั้งปีมาเทียบเกณฑ์การยื่นภาษีอีกที ดังนี้

เงินได้สุทธิ (บาท) อัตราภาษี
0 - 150,000 ยกเว้น
150,001 - 300,000 5%
300,001 - 500,000 10%
500,001 - 750,000 15%
750,001 - 1,000,000 20%
1,000,001 - 2,000,000 25%
2,000,001 - 5,000,000 30%
5,000,001 ขึ้นไป 35%

ตัวอย่าง นาย B เป็นพนักงานประจำ

รายได้ตลอดทั้งปี

เงินเดือน 40,000 บาท
โบนัส 100,000 บาท

(40,000 × 12)+100,000
= 580,000 บาท

ค่าใช้จ่าย

(40,000 × 12) × 50%
= 240,000 บาท

คิดได้สูงสุด 100,000 บาท

ค่าลดหย่อน

ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันชีวิต 20,000 บาท

60,000+20,000
= 80,000 บาท

  • ตัวอย่างของนาย B มาคิดรายได้สุทธิทั้งหมดจะได้เป็น 580,000 - 100,000 - 80,000 = 400,000 บาท
  • เมื่อนำรายได้สุทธิมาเทียบ นาย B ต้องเสียภาษี 10% คำนวณเป็น 400,000 × 10% = 40,000 บาท คือจำนวนที่ต้องเสียภาษี
  • หากนาย B วางแผนการคำนวณภาษีโดยคำนึงถึงการลดหย่อนภาษีแต่แรก ก็อาจเสียภาษีในอัตราที่น้อยลงได้

ควรวางแผนอยู่ในการคำนวณภาษีไว้แต่แรก เพราะถึงแม้จะมีรายได้สุทธิอยู่ในเกณฑ์ 5% แต่ก็เป็นจำนวนไม่น้อย (เช่น รายได้รวมเพียง 200,000 ก็คิดเป็นเงินภาษี 5% ได้ 10,000 บาท)การวางแผนลดหย่อนสามารถช่วยลดภาระการเสียภาษีไปได้ไม่น้อย หรือในบางครั้งอาจทำให้ไม่ต้องชำระภาษีเพิ่ม แถมยังมีสิทธิขอเงินคืนได้อีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีบุตร หรือผู้เลี้ยงดูพ่อแม่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่อาจมีโอกาสได้รับการลดหย่อนเพิ่มเติม โดยมีค่าลดหย่อน 4 กลุ่ม ดังนี้

ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว

  1. ลดหย่อนส่วนตัว จำนวน 60,000 บาท
  2. ลดหย่อนคู่สมรส จำนวน 60,000 บาท
  3. ค่าลดหย่อนบุตร จำนวนคนละ 30,000 โดยหากเป็นบุตรตามกฎหมายสามารถลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวน แต่หากเป็นบุตร บุญธรรมสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน ตามเงื่อนไขดังนี้ - อายุไม่เกิน 20 ปี หากมีอายุ 21 - 25 ปี ต้องศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ขึ้นไปและมีเงินได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี - ในกรณีมีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป จะสามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
  4. ค่าลดหย่อนสำหรับการฝากครรภ์และคลอดบุตร สามารถนำมาลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท
  5. ค่าลดหย่อนสำหรับการดูแลพ่อแม่ของตนเองและของคู่สมรส จำนวนคนละ 30,000 บาท โดยพ่อแม่ต้องอายุ 60 ปีขึ้นไปและมี รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
  6. ค่าลดหย่อนในการอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ หรือทุพพลภาพ จำนวนคนละ 60,000 โดยผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทและต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ

ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค

  1. เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง ลดหย่อนจำนวนสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
  2. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม มูลนิธิด้านสาธารณะสุข และโรงพยาบาลรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงิน บริจาคจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  3. เงินบริจาคทั่วไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

  1. โครงการ Easy E-Receipt โดยเป็นสินค้าและบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้าหมวดหนังสือ (รวม E-Book) และสินค้า OTOP ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน ในช่วงวันที่ 1 ม.ค. 2567 - 15 ก.พ. 2567 การลดหย่อนจะขึ้นอยู่กับฐาน การเสียภาษีและรายได้ของแต่ละบุคคลตามที่กฎหมายของกรมสรรพากรกำหนด ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุดตาม ยอดที่ได้ใช้จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท โดยหากใช้จ่ายถึงจำนวน 50,000 บาท ก็สามารถนำมาคิดได้
  2. ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  3. ค่าใช้จ่ายเที่ยวเมืองรอง 2567 ลดหย่อนได้ สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกันและการลงทุน

  1. ประกันสังคม ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท
  2. เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ของตนเองและของคู่สมรส ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุด 15,000 บาท
  3. เบี้ยประกันชีวิต หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิตที่ให้การคุ้มครอง 10 ปีขึ้นปี (ประกันสะสมทรัพย์) ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  4. เบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตทั่วไปต้องมีจำนวนไม่เกิน 100,000 บาท
  5. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยสามารถ ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 หากไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป โดยมีเงื่อนไข คือ ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปี ต่อเนื่องไปจนอายุ 85 ปี หรือมากกว่านั้น
  6. กองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้ ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ)
  7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ จำนวนสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  8. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ จำนวนสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  9. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF : Retirement Mutual Fund) ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  10. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF : Super Saving Funds) ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ จำนวนสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
  11. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
  12. เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง จำนวนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

คำนวณลดหย่อนภาษี

วางแผนลดหย่อนภาษีด้วยประกันออนไลน์
สมัครง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ตลอด 24 ชม.

telephone
สะดวกสบาย

ชำระเบี้ยพร้อมรับ
กรมธรรม์ทาง
ออนไลน์ได้ทันที

calendar
รวดเร็ว

รับความคุ้มครอง
และออกกรมธรรม์
ภายใน 1-2 วันทำการ

security
มั่นใจ ปลอดภัย

ทุกธุรกรรม
ด้วยมาตรฐาน
ISO 27001

headphone
สบายใจกับบริการ

หลังการขายด้วย
บริการ Call Center
24 ชม.