ภาษี คือ เงินที่รัฐจัดเก็บจากประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อเป็นรายได้นำมาพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และกิจการอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ได้แก่ การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ถนน ไฟฟ้า ประปา และการป้องกันประเทศ เป็นต้น ในฐานะบุคคลธรรมดา หนึ่งในภาระหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการเสียภาษี ทั้งนี้การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าลดหย่อนต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้เราปฏิบัติตามกฏหมายได้อย่างถูกต้อง แล้วยังช่วยให้เราประหยัดเงินได้จากค่าลดหย่อนภาษีอีกด้วย
เหตุผลที่เราต้องเสียภาษีเพราะกฎหมายกำหนดให้ผู้มีรายได้เกินเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียภาษี มีบางกรณีที่บุคคลอาจได้รับการยกเว้นภาษี เช่น มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในโครงการที่ภาครัฐส่งเสริม สำหรับมนุษย์เงินเดือนนั้น รายได้สุทธิจะเป็นตัวกำหนดภาษี โดยมีวิธีคำนวณโดยคร่าว ดังนี้
รายได้ตลอดทั้งปี ได้แก่เงินได้ทั้งหมดที่ได้รับในปีที่คิดภาษี ซึ่งรวมถึงเงินเดือน โบนัส ค่าคอมมิชชัน เบี้ยเลี้ยง เงินได้จากงานอิสระ
ค่าใช้จ่าย โดยทั่วไปจะคิดแบบเหมารวมซึ่งสามารถนำมาหักได้ 50% ของรายได้จากงานประจำสูงสุด 100,000 บาท
ค่าลดหย่อนส่วนตัว ที่กฎหมายอนุญาตให้หักจากรายได้ หรือที่เรียกกันว่าการลดหย่อนภาษีโดยมีค่าลดหย่อนส่วนตัวที่หักได้ 60,000 บาทต่อคน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมได้ เช่น ค่าลดหย่อนกองทุนรวม ค่าลดหย่อนประกันชีวิต ค่าลดหย่อนสำหรับการบริจาค หรือแคมเปญรัฐบาล
เงินได้สุทธิที่คำนวณได้ :อัตราภาษีจะแบ่งตามช่วงรายได้ ดังนี้
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี |
---|---|
0 - 150,000 | ยกเว้น |
150,001 - 300,000 | 5% |
300,001 - 500,000 | 10% |
500,001 - 750,000 | 15% |
750,001 - 1,000,000 | 20% |
1,000,001 - 2,000,000 | 25% |
2,000,001 - 5,000,000 | 30% |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% |
การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นหน้าที่สำคัญของทุกคนที่มีรายได้ แม้ว่ารายได้สุทธิประจำปีจะยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ตาม นอกจากนี้ การใช้สิทธิลดหย่อนภาษียังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตัวเรา ไม่เพียงแต่อาจช่วยให้ได้รับเงินคืนภาษีในแต่ละปีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลอีกด้วย
ค่าลดหย่อนภาษี คือรายการค่าใช้จ่ายที่กฎหมายอนุญาตให้นำมาหักออกจากรายได้ก่อนคำนวณภาษี โดยตัวอย่างของค่าลดหย่อนภาษีที่สำคัญ มีดังนี้
ค่าลดหย่อนภาระติดตัวผู้ยื่นภาษีสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนเอง และสมาชิกครอบครัวในความดูแลของตนนำมาเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ โดยมีเกณฑ์ดังนี้
การทำประกันลดหย่อนภาษีเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดหย่อนภาษี โดยค่าเบี้ยประกันชีวิต (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป) ของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิตและความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund) สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออม SSF (Super Saving Funds) สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท อีกทั้งในปี 2567 นี้ ยังมีกองทุนหมวด ThaiESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำอีกด้วย
กระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐมีการออกมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องในแต่ละปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน ตัวอย่างล่าสุดคือโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งมีวัตถุประสงค์สองประการ:
มาตรการเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการให้ประโยชน์ทางภาษีแก่ประชาชน
ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยกู้ยืมที่จ่ายให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้าง สำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืม สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริงได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
การบริจาคเงินบริจาคสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่บริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน ส่วนเงินบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษเช่น เพื่อการศึกษา การกีฬา โรงพยาบาลรัฐ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนยอดเงินที่บริจาค สูงสุดไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
หากทำการแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเสร็จเรียบร้อยแล้วพบว่าต้องเสียภาษีเพิ่มเติม ควรดำเนินการชำระยอดเพิ่มเติมดังกล่าวในเวลาที่กำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ โดยหากบุคคลใดยื่นแบบฯ ภายในกำหนดแต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน หรือยื่นแบบฯ ล่าช้า ละเลย หรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบฯ จะต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามกฎหมายกำหนด
การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและค่าลดหย่อนต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เราปฏิบัติตามกฏหมายได้อย่างถูกต้อง และสามารถหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าปรับจากการจ่ายภาษีไม่ถูกต้องหรือล่าช้าได้ รวมไปถึงช่วยในการวางแผนการเงินประจำปีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการลดหย่อนภาระภาษีที่ต้องจ่าย
หนึ่งในวิธีการลดหย่อนภาษีที่ได้รับความนิยมนั่นคือการทำประกันลดหย่อนภาษี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้ว ยังให้ความคุ้มครองชีวิต รวมไปถึงช่วยในการวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ประกันลดหย่อนภาษี ที่น่าสนใจขอแนะนำ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 (BLA Smart Return 10/5) จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) แบบประกันออนไลน์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี พร้อมวางแผนทางการเงิน ด้วยแผนประกันที่มอบความคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี พร้อมกับให้คุณรับเงินคืนก้อนใหญ่ คืนเงินไวกว่ากองทุน SSF
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 (BLA Smart Return 10/5) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีควบคู่ไปกับการวางแผนการเงิน
นอกจากนี้ทุกแบบประกันออนไลน์จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยแต่ละแบบประกันมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น
ประกันสะสมทรัพย์ : มอบความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการสร้างเงินออม
เบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
ประกันบำนาญ : ช่วยวางแผนการเงินสำหรับวัยเกษียณ ช่วยให้มีเงินบำนาญใช้หลังจากเกษียณอายุแล้ว พร้อมกับมอบความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปด้วย
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนกบข. / กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน / กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) / กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ประกันสุขภาพ : ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย
เบี้ยประกันสุขภาพ : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี และรวมกับเบี้ยประกันชีวิตได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราได้รับความคุ้มครองที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ แต่ยังเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการใช้ประโยชน์จากค่าลดหย่อนต่าง ๆ รวมถึงการพิจารณาทำประกันชีวิตที่ช่วยลดหย่อนภาษี จึงเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน สนใจทำประกันออนไลน์กับกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) หรือต้องการศึกษาแผนประกันเพิ่มเติม สามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ https://bla.bangkoklife.com/qxpslUPUHn
อ้างอิง: กรมสรรพากร, finnomena.com