ชีวิตไร้กังวล ด้วยประกันสุขภาพตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
หากวันใดวันหนึ่งคุณต้องเผชิญกับโรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพ หรือประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ? นอกจากจะต้องรับมือกับอาการป่วยแล้ว คุณอาจจะต้องเผชิญกับภาระค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่ว จนเงินที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตการทำงานหมดไปได้ในพริบตาก็เป็นได้ เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้เลย ว่าสุขภาพที่ยังดีอยู่ตอนนี้ ต่อไปจะยังดีอยู่หรือไม่ เพราะความเสี่ยงด้านสุขภาพอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยไม่เลือกเพศ วัย หรือฐานะทางสังคม
เพราะไม่รู้อนาคตข้างหน้า จึงต้องวางแผนสร้างหลักประกันให้กับชีวิต
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้าง ดังนั้นคุณจึงต้องวางแผนสร้างหลักประกันให้กับชีวิต ด้วยการทำ “ประกันสุขภาพ” เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับชีวิต ให้คุณได้รับการคุ้มครองอย่างรอบด้านที่สุด และนี่แหละคือหนึ่งในการวางแผนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการเงินที่ดีในอนาคต แม้จำเป็นจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยทุกปี แต่เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
จ่ายเบี้ยประกันภัยทุกปี VS ป่วยหนักจ่ายเอง แบบไหนคุ้มค่ากว่า?
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ เวลาจะใช้เงินจ่ายอะไรแต่ละที หลายคนก็คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังจะลงทุนไปนั้น มันคุ้มค่าจริงหรือเปล่า ซึ่งการทำประกันสุขภาพ แล้วต้องจ่ายเบี้ยทุกปี ๆ ก็คงสร้างคำถามในใจว่าแท้ที่จริงคุ้มค่าจริงหรือไม่? หากใครยังคงชั่งใจและคิดไม่ตก มาลองหาคำตอบผ่านการเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยดีกว่า ระหว่างการมีประกันสุขภาพและการไม่มีประกันสุขภาพแตกต่างกันอย่างไร
- ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
- มีประกันสุขภาพ : บริษัทประกันจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในวงเงินที่กำหนดในกรมธรรม์ บางแผนประกันอาจจะครอบคลุมไปถึงโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงค่าผ่าตัด ค่ายา และค่าหัตถการทางการแพทย์ที่จำเป็นอีกด้วย
- ไม่มีประกันสุขภาพ : คุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งอาจสูงถึงหลักล้านหากเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งอาจกระทบกับเงินเก็บ จนเป็นเหตุให้ต้องกู้ยืมเงินจำนวนมาก
- ภาระค่าใช้จ่าย
- มีประกันสุขภาพ : จ่ายเพียงเบี้ยประกันรายเดือนหรือรายปี ตามที่ตกลงกับบริษัทประกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ ทำให้ไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ไม่มีประกันสุขภาพ : เมื่อเจ็บป่วยรุนแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินเก็บทั้งหมด จนต้องขายทรัพย์สินหรือกู้ยืมเงินเพื่อจ่ายค่ารักษา ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
- การเข้าถึงการรักษา
- มีประกันสุขภาพ : คุณจะสามารถเลือกสถานพยาบาลที่จะไปรักษาได้มากขึ้น เช่น โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งไม่ต้องรอคิวนาน และสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินหรือโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
- ไม่มีประกันสุขภาพ : คุณจะมีตัวเลือกในการรักษาที่น้อยลง ยิ่งถ้ามีข้อจำกัดทางการเงินแล้ว ก็อาจจะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งต้องรอคิวนานและทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้อย่างทันท่วงที
- การวางแผนทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
- มีประกันสุขภาพ : การมีประกันสุขภาพถือเป็นการวางแผนทางการเงินวิธีหนึ่ง เพราะคุณจะทราบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพล่วงหน้า ซึ่งก็คือ “ค่าเบี้ยประกัน” ที่คุณจ่ายไปในทุก ๆ เดือน หรือทุก ๆ ปี เมื่อคุณทราบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ คุณก็จะสามารถจัดสรรเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ได้อย่างมั่นใจ และทำให้คุณมีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาสุขภาพในอนาคต และวางแผนยาวไปถึงวัยเกษียณได้อย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย
- ไม่มีประกันสุขภาพ : เพราะค่ารักษาพยาบาลเป็นค่าใช้จ่ายที่คาดเดาได้ยาก คุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้องกันค่าใช้จ่ายไว้เท่าไหร่ถึงจะพอในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งนี่แหละทำให้คุณไม่สามารถจัดสรรเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ได้เลย ยิ่งคุณแก่ตัวลงเรื่อย ๆ ก็ยิ่งต้องรับมือกับปัญหาสุขภาพที่มาพร้อมกับวัยที่มากขึ้น และนี่อาจทำให้ชีวิตวัยเกษียณของคุณไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจก็ได้
- ความอุ่นใจและคุณภาพชีวิต
- มีประกันสุขภาพ : อุ่นใจ ใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล เพราะคุณจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ลดภาวะความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้สามารถมุ่งเน้นที่การฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่หลังการรักษา
- ไม่มีประกันสุขภาพ : เมื่อถึงคราวที่ต้องเข้ารับการรักษา คุณอาจจะได้รับการรักษาที่ดีไม่สุดเพราะข้อจำกัดทางการเงิน และคุณอาจเกิดความเครียดและความกังวลทั้งเรื่องอาการและค่าใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและการฟื้นตัวอย่างแน่นอน
ดังนั้นการมีประกันสุขภาพ จึงไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองทางการเงินและเรื่องค่ารักษาพยาบาลอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลที่ดีต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณด้วย เพราะคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มั่นใจ อุ่นใจ และวางใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา คุณจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
เลือกทำประกันสุขภาพแบบไหนดีให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ?
สำหรับใครที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกประกันสุขภาพแบบไหนให้เหมาะกับตัวเองดี ขอแนะนำประกันสุขภาพ “บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์” (BLA Complete Health) ประกันสุขภาพออนไลน์จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แถมยังให้ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่ครอบคลุมสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5 ล้านบาท ต่อครั้ง 1 และไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี
- คุ้มครองครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยวราคาเริ่มต้นของโรงพยาบาล 1
- รับ 100,000 บาท เมื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 1 ใน 20 โรคร้ายแรง เป็นครั้งแรก
- กรณีเข้าพักรักษาตัวจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง รับผลประโยชน์รวมสูงสุดเพิ่มเป็น 5,500,000 บาท 1
- สามารถเลือกกำหนดแผนความคุ้มครองแบบมีความรับผิดส่วนแรก 2 เพื่อลดค่าเบี้ยประกันภัยให้ถูกลง จัดสรรให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณได้เลย
- เลือกชำระเบี้ยได้ทั้งแบบรายปี และรายเดือน
- สามารถลดหย่อนภาษีได้*
วางแผนให้ชีวิตอุ่นใจไร้กังวล ด้วยการทำ
ประกันสุขภาพออนไลน์ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์ (BLA Complete Health) จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) ทางเลือกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ มีให้เลือกถึง 3 แผนความคุ้มครองสุขภาพ ทั้งครอบคลุมและยืดหยุ่นกับความต้องการและงบประมาณของคุณ อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องสุขภาพมาบั่นทอนการใช้ชีวิตของคุณ มาเริ่มต้นชีวิตแบบอุ่นใจไร้กังวลด้วยการทำประกันสุขภาพออนไลน์ จากกรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) ตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีในระยะยาว
สนใจสมัครประกันสุขภาพออนไลน์ บีแอลเอ คอมพลีท เฮลธ์ (BLA Complete Health) สามารถสมัครผ่านออนไลน์ได้ง่าย ๆ แล้วรอผลอนุมัติประมาณ 1 - 3 วันทำการ และรับความคุ้มครองได้เลย หรือต้องการศึกษาแผนประกันเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
https://bla.bangkoklife.com/oBmNnfgGID
หมายเหตุ
- โปรดทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
* เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับตนเอง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท กรณีรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
1 สำหรับแผนความคุ้มครอง 3
2 ความรับผิดส่วนแรก (Deductible) หมายถึง ความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับภาระตามข้อตกลงของสัญญาประกันภัย