เลี่ยงได้เลี่ยง! 5 พฤติกรรมสุดเสี่ยง อาจทำร้ายดวงตาให้เสียได้
ดวงตาถือเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา จะทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นยากลำบากยิ่งขึ้น และก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่ ๆ โดยส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าปัญหาเรื่องดวงตาจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุมากกว่า ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรื่องอายุที่มากขึ้นเท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการที่เราทำอยู่เป็นประจำที่เสี่ยงต่อการทำร้ายดวงตา ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมาก ก็เกิดความเสี่ยงได้เหมือนกัน เรามาดูกันว่าพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่ทำให้คุณอาจเสียดวงตาไปได้โดยไม่รู้ตัว
1. ติดจอมากเกินไป
ผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย หรือ Thailand Internet User Behavior จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA พบว่าคนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 7.4 ชั่วโมงต่อวัน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของวันไปกับหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรู้ไหมว่าการที่เราเพ่งจอนาน ๆ แสงจ้าของจอจะส่งผลต่อสุขภาพเลนส์ตาและจอประสาทตา อาจนำไปสู่การเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งมักพบได้บ่อยกับกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือแม้แต่เด็กที่ติดเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็เสี่ยงได้เช่นกัน
วิธิป้องกัน
- ปรับระดับการมองเห็น และปรับท่านั่งให้เหมาะสมกับระดับจอ
- ปรับแสงสว่างจากภายนอกและจากหน้าจอให้เหมาะสม
- พักสายตาบ้าง โดยการมองไกลหรือกระพริบตาทุก 20 นาที
- กะพริบตาบ่อยขึ้น หยอดน้ำตาเทียม ลดอาการตาแห้งและช่วยให้สบายตาขึ้น
2. ดื่มน้ำน้อย ทานอาหารไม่มีประโยชน์
ร่างกายเรานั้นประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% ดังนั้น การดื่มน้ำน้อยจะส่งผลโดยตรงต่อการผลิตน้ำตาที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาแดงและเปลือกตา บวมช้ำ รวมถึงการรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยกินผักผลไม้ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ขาดวิตามิน ซึ่งจำเป็นต่อการซ่อมแซมและดูแลดวงตา
วิธิป้องกัน
- ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักผลไม้
3. ดื่มสังสรรค์หนัก สูบบุหรี่จัด
คนที่ชอบมักจะดื่มหนักหรือสูบบุหรี่จัด นอกจากจะต้องเจอโรคเกี่ยวกับตับ ทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจแล้ว รู้ไหมว่ายังส่งผลต่อสุขภาพตาได้ด้วย เพราะมีผลการวิจัยมากมายที่พูดถึงอันตรายของบุหรี่ รวมถึงการสูบบุหรี่ยังเป็นภัยคุกคามต่อดวงตา เช่น โรคต้อกระจก ,โรคจอประสาทตาเสื่อม,โรคม่านตาอักเสบ(uveitis), โรคเบาหวานขึ้นตา หรือแม้แต่โรคตาแห้งก็ตาม
วิธิป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในปริมาณที่มากเกินกว่าปกติ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
4. ไม่สวมแว่นตากันแดด เมื่อต้องเจอแดดจ้า
เมืองไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ร้อนสุด ๆ แน่นอนว่าเวลาจะออกไปไหนมาไหนช่วงตอนกลางวัน ก็ต้องเจอกับแดดที่พร้อมจะแผดเผาเราได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องเดินกลางแจ้งรวมถึงตอนขับรถ หากไม่สวมแว่นกันแดดจะทำให้ดวงตาของเราปะทะกับรังสียูวีโดยตรง ส่งผลให้เกิดทั้งต้อลมและต้อเนื้อได้เช่นกัน
วิธิป้องกัน
- ทุกครั้งที่ต้องออกแดดหรือเจอฝุ่นควัน ควรใส่แว่นกันแดดที่สามารถกรองรังสียูวีเอและยูวีบีได้
- สำหรับการใช้งานทั่วไป เลนส์สีชาและสีเทาจะเหมาะสมที่สุด
5. ไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพตา
หลายคนอาจจะละเลยและไม่คิดว่าการตรวจสุขภาพตาจำเป็นต้องตรวจทุกปี แต่รู้ไหมว่า การตรวจสุขภาพตาถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราควรต้องทำเป็นประจำทุกปีหรือตามที่จักษุแพทย์แนะนำ เพื่อให้รู้ถึงปัญหาภาวะเสี่ยงของโรคตาบางชนิดที่ไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เห็น เช่น โรคต้อหินเฉียบพลัน ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่เป็นแล้วอาจทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว แต่หากเราเข้ารับการตรวจและพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถรักษาได้ทันเวลา
ในเมื่อเราต้องใช้ดวงตาทุกวัน ถ้าไม่อยากให้ดวงตาถูกทำร้ายแบบที่เราไม่รู้ตัว ก็ควรที่จะเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงดังที่กล่าวมาข้างต้นและหมั่นเข้ารับการตรวจสุขภาพตากันสักหน่อย เพื่อให้ดวงตาของเราอยู่คู่กับเราไปนาน ๆ
สิทธิพิเศษกับโปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา พร้อมทั้งสินค้าจากร้านแว่นตาชั้นนำสำหรับลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตเท่านั้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่