Happy Talk
Life Spiration
Live And Learn
Eco-Living
Family In Love
Eat Am Are
Get Fit
Healthy Guide
Money Session
Live Offline
Happy Plus
Happy Life Club
BLA Product

New Normal หรือจะสู้ New Me
ปรับตัวให้ทันโลก รู้จักหลักพฤติกรรม 4D+1H
เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า "New Normal" หรือที่แปลเป็นไทยก็คือ "ความปกติรูปแบบใหม่" ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของเราทุกคน สิ่งที่เคยเป็นเรื่องแปลก และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ก็เกิดขึ้นแล้วในห้วงเวลานี้ โดยมีทฤษฎีที่ทำนายทายทักว่าจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังจากนี้คือ 4D+1H แล้วมีอะไรที่เราต้องเริ่มเรียนรู้ เพื่อปรับตัวให้เข้าสู่สังคมยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน


Digital คือชีวิต : ดิจิทัลจะไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งในชีวิตอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และไม่ได้เป็นเรื่องของคนยุคใหม่แต่ทุกคนจะสามารถใช้งานดิจิทัลได้อย่างคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายของออนไลน์ สั่งอาหารผ่านแอปฯ ติดต่อทำธุรกรรม ประชุม แม้กระทั่งการเช็กอินเพื่อใช้บริการต่าง ๆ รวมถึงจะมีธุรกิจ และนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่ช่วยให้เราไม่ต้องสัมผัสหน้าจอหรือพื้นผิว

Distant ต้องรักษาระยะห่างต่อไป: เราทุกคนก็คงได้เริ่มใช้ชีวิตแบบรักษาระยะห่างกันแล้ว และคงต้องใช้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งกิจกรรมส่วนตัวและส่วนรวม ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของจิตใจด้วย เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจหลายคนเลือกที่จะไม่สัมผัสกันโดยไม่จำเป็น เพราะติดจากพฤติกรรมในช่วงที่ผ่านมา

Discrimination แบ่งฝ่ายแบ่งกลุ่มไม่ใช่เรื่องผิด : เราไม่ได้พูดเรื่องแตกแยกทางความคิด หรือเรื่องแตกต่างทางเชื้อชาติ แต่กำลังพูดถึงการแบ่งแยกด้านความปลอดภัย และด้านสุขอนามัย เช่น การเลือกที่จะให้บริการเฉพาะคนที่ใส่หน้ากากเท่านั้น การเดินทางท่องเที่ยวที่มีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น มีการเลือกปฏิเสธคนบางกลุ่มบางเชื้อชาติ บางประเทศอาจเลือกไม่รับสินค้าจากบางแห่ง โดยไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ผิด

Domestic พึ่งพากันเองภายในประเทศมากขึ้น: เนื่องจากมาตรการการค้าระหว่างประเทศที่อาจมีการยกระดับความเข้มข้นในการตรวจสอบ ประกอบกับแนวความคิดของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เนื่องจากมีความกังวลที่จะซื้อสินค้านำเข้า เพราะไม่รู้ว่าผ่านขบวนการขนส่งที่ไหนมาบ้าง อีกทั้งสินค้าในประเทศก็พัฒนาคุณภาพได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

Health Conscious ความตระหนักและใส่ใจสุขภาพ: อาการป่วยเล็กน้อยจะไม่เล็กน้อยอีกต่อไป คนจะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพและสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองมากขึ้น ไม่ประมาทต่ออาการเจ็บป่วย รวมถึงการรักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ และต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในโลก อาจจะกระทบมาถึงสุขภาพของตัวเอง




Digital คือชีวิต : ดิจิทัลจะไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งในชีวิตอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และไม่ได้เป็นเรื่องของคนยุคใหม่แต่ทุกคนจะสามารถใช้งานดิจิทัลได้อย่างคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายของออนไลน์ สั่งอาหารผ่านแอปฯ ติดต่อทำธุรกรรม ประชุม แม้กระทั่งการเช็กอินเพื่อใช้บริการต่าง ๆ รวมถึงจะมีธุรกิจ และนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่ช่วยให้เราไม่ต้องสัมผัสหน้าจอหรือพื้นผิว

Distant ต้องรักษาระยะห่างต่อไป: เราทุกคนก็คงได้เริ่มใช้ชีวิตแบบรักษาระยะห่างกันแล้ว และคงต้องใช้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งกิจกรรมส่วนตัวและส่วนรวม ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของจิตใจด้วย เรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจหลายคนเลือกที่จะไม่สัมผัสกันโดยไม่จำเป็น เพราะติดจากพฤติกรรมในช่วงที่ผ่านมา

Discrimination แบ่งฝ่ายแบ่งกลุ่มไม่ใช่เรื่องผิด : เราไม่ได้พูดเรื่องแตกแยกทางความคิด หรือเรื่องแตกต่างทางเชื้อชาติ แต่กำลังพูดถึงการแบ่งแยกด้านความปลอดภัย และด้านสุขอนามัย เช่น การเลือกที่จะให้บริการเฉพาะคนที่ใส่หน้ากากเท่านั้น การเดินทางท่องเที่ยวที่มีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น มีการเลือกปฏิเสธคนบางกลุ่มบางเชื้อชาติ บางประเทศอาจเลือกไม่รับสินค้าจากบางแห่ง โดยไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ผิด

Domestic พึ่งพากันเองภายในประเทศมากขึ้น: เนื่องจากมาตรการการค้าระหว่างประเทศที่อาจมีการยกระดับความเข้มข้นในการตรวจสอบ ประกอบกับแนวความคิดของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เนื่องจากมีความกังวลที่จะซื้อสินค้านำเข้า เพราะไม่รู้ว่าผ่านขบวนการขนส่งที่ไหนมาบ้าง อีกทั้งสินค้าในประเทศก็พัฒนาคุณภาพได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

Health Conscious ความตระหนักและใส่ใจสุขภาพ: อาการป่วยเล็กน้อยจะไม่เล็กน้อยอีกต่อไป คนจะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพและสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองมากขึ้น ไม่ประมาทต่ออาการเจ็บป่วย รวมถึงการรักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ และต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในโลก อาจจะกระทบมาถึงสุขภาพของตัวเอง


CONTRIBUTOR
