Happy Talk
Life Spiration
Live And Learn
Eco-Living
Family In Love
Eat Am Are
Get Fit
Healthy Guide
Money Session
Live Offline
Happy Plus
Happy Life Club
BLA Product
Life Spiration
ก้าวที่ท้าทายนอก Comfort Zone ของนักดนตรี
ที่ผันตัวมาเป็นบาริสต้าบนมอเตอร์ไซต์
แดน อัครเดช สารอินทร์
ช่วง Covid-19 ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะตกงาน รายได้ลดลงหรือไม่มีรายได้เลย คุณแดน อัครเดช สารอินทร์ หนุ่มนักดนตรีวัย 28 ปี ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องพบกับผลกระทบในวิกฤตครั้งนี้เช่นกัน จากอาชีพนักดนตรีที่มีงานแทบทุกคืน แต่เมื่อเจ้า Covid-19 เข้ามาทุกอย่างที่เคยทำได้หรือเคยได้ทำก็ต้องหยุด พักไปยาว ๆ 3 เดือน ทำให้เหตุการณ์พลิกผันจากนักดนตรีจับพลัดจับผลูมาเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ที่เริ่มต้นบนมอเตอร์ไซต์สีชมพูคันเก่าของตัวเอง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า อาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพที่แอคทีฟในช่วงเวลากลางคืน ส่วนคอกาแฟทั่วไปก็มักจะดื่มกันในตอนเช้าหรือบ่าย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักดนตรีกลางคืนจะเป็นคนคนเดียวกับบาริสต้าในเวลากลางวัน ถ้าพูดให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คือ นักดนตรีกลางคืน และ บาริสต้า สองคนนี้อยู่กันคนละโลกกันเลยก็ว่าได้
มันจึงเป็นความท้าทาย ที่นักดนตรีคนหนึ่งจะก้าวจากพื้นที่ Comfort Zone ของตัวเอง เพื่อไปสู่อีกพื้นที่นึงที่ตัวเองไม่คุ้นเคย และไม่มีใครเคยบอกว่าจะเจอกับอะไรบ้าง สมหวังหรือผิดหวัง มีความสุขหรือเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เรื่องราวจะเป็นยังไง BLA Happy Life จะพาทุกคนไปติดตาม ไม่แน่เรื่องของคุณแดนอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณก็ได้
เมื่อวันที่ความฝันและงานดนตรีต้องหยุด
ผมเป็นนักดนตรีครับ เป็นมือทรัมเป็ต และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ยังทำเพลง เขียนเพลง ทำเบื้องหลังอยู่ แต่ช่วง Covid-19 ที่ทำให้อาชีพนักดนตรีของผมต้องหยุดชะงักลง วงการเพลงคือเรียกได้ว่านิ่งเลยครับ เพราะไม่มีร้านไหนเปิด ทุกคนก็ต้องกักตัวอยู่บ้าน รวมถึงเราด้วย ช่วงแรก ๆ ผมก็ซ้อมดนตรีครับ ตื่นมาซ้อม แต่เราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายทุกวัน เงินที่หามาได้ก็ต้องใช้ไปเรื่อย ๆ ทำให้เราต้องหารายได้จากทางอื่นบ้าง เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไปจะให้มารอเวลาทำสิ่งที่เราชอบ ที่เราถนัดก็ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ใช่ไหมครับ ผมเลยตัดสินใจก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ก้าวจากความชอบสู่อาชีพ
พอเราเริ่มคิดที่จะหารายได้ทางอื่น ผมก็พยายามมองหาแล้วว่าอะไรที่เราจะทำได้บ้าง เริ่มจากเราชอบอะไร เราทำอะไรเป็นบ้าง ลองนั่งคิดนอนคิดก็ปิ๊งขึ้นมาว่า เราก็ชงกาแฟเป็น เราทำกินเองทุกวันแล้วก็เป็นรสชาติที่เราชอบ งั้นลองขายกาแฟดูแล้วกัน เริ่มแรกคิดแค่เล็ก ๆ ครับ เราชงเองทุกเช้าอยู่แล้วงั้นเราก็ชงขายด้วยเลย ขายแค่คนในคอนโดนี่แหละส่งตามห้อง แต่ก็ไม่เป็นตามคาดครับ ไม่มีใครสั่งเลย อาจจะเพราะไม่มีใครรู้จักเรา เลยคิดว่าแบบนี้ไม่น่าเวิร์ค ผมเลยเปลี่ยนใหม่ลองไปขายแบบจริงจังมากขึ้น
จุดเริ่มต้น “COFFEE CUB” ร้านกาแฟบนมอเตอร์ไซต์
หลังจากที่เราลองผิดลองถูกมาสักพักแล้วรู้ว่าที่ทำอยู่ไม่เวิร์ค ผมก็มีเป้าหมายใหม่ ผมจะต้องทำให้คนรู้จักร้านของผมมากขึ้น ต้องออกมาจาก Comfort Zone ของตัวเองอีกครั้ง ต้องทำให้ร้านเป็นร้านที่มันจริงจังมากขึ้น โดยใช้รถมอเตอร์ไซต์นี่แหละ เปิดข้างตั้งเป็นโต๊ะขายเลยหน้าคอนโด ตั้งชื่อว่า “COFFEE CUB” เผื่อใครที่ออกไปทำงานเช้า ๆ จะได้ลองแล้วจะได้รู้จักเรามากขึ้น ผมจะขายช่วงเช้าเวลา 07.30 น. ถึง 11.30 น
วันแรก ๆ ก็ยังขายไม่ค่อยได้ครับ ผมจำได้ว่าแก้วแรกที่มีคนซื้อผมดีใจมาก มันเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผมได้ในแต่ละวัน แต่หลัง ๆ ช่วงบูม ๆ ก็ขายได้วันละ 30 กว่าแก้วครับ ที่ผมขายเฉพาะช่วงเช้าก็อย่างที่บอกครับว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ผมรัก พอช่วงเช้าผมขายกาแฟเสร็จ ผมก็จะกลับห้องไปซ้อมดนตรี ทำงานอื่น ๆ ต่อ ผมคิดว่าจริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราแค่ต้องแบ่งเวลาของความสุขให้พอดีครับ
ก้าวต่อมาของบาริสต้าฝึกหัด
ผมยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าบาริสต้าหรอกครับ ผมพอมีความรู้แค่พื้นฐานพอแยกออกว่าลาเต้คือแบบไหน อเมริกาโน่คือแบบไหน แต่ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ เรียนรู้จากลูกค้า รับฟีตแบคแล้วก็เอาไปพัฒนาให้ดีกว่าเดิม แต่ปัญหาก็ตามมาครับ เพราะเรื่องร้านผมที่ขายบนฟุตบาทจริง ๆ ก็คือไม่ถูกต้องครับ ทีแรกผมกะจะขายแค่ชั่วคราว แต่ทีนี้พอคนมารอคิวเยอะก็เริ่มเป็นปัญหามากขึ้น ก็ต้องแก้ไขว่าจะเอายังไงดี ทีนี้ผมก็เลยคิดอยากทำร้านจริงจังขึ้นมา
อย่ากลัวที่จะก้าวออกมาคว้าโอกาส
โอกาสเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ ทุกวันคือโอกาสในการทำสิ่งที่รัก เหตุการณ์ Covid-19 ในครั้งนี้ก็เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสสำหรับผม ถ้าไม่มีวิกฤตนี้ก็ไม่มีโอกาสที่ผมจะได้ลองทำอีกสิ่งที่ผมชอบ นั้นก็คือกาแฟ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างแต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าไม่ไหว ยอมแพ้ เราก็แค่ต้องปรับตัว ตอนนี้ผมว่านอกจากดนตรีที่ผมรัก การเปิดร้านกาแฟก็ทำให้ผมได้ค้นพบความสุขสิ่งใหม่ ทำให้ชีวิตกลับมีความหมาย ให้ชีวิตสนุกได้อีกครั้งเหมือนกัน
ปัจจุบัน จากบาริสต้าบนมอเตอร์ไซต์สีชมพูคันเก่า กลายเป็นบาริสต้าเจ้าของร้านกาแฟที่ชื่อว่า BoonRuang's Coffee (บุญเรือง คอฟฟี่) ที่มอเตอร์ไซต์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของร้าน และถึงความเป็น Coffee Stand จะหายไปเพราะถูกแทนที่ด้วยที่นั่งสบายๆ ในห้องแอร์ แต่ตัวตนของการเป็นนักดนตรีที่ควบตำแหน่งบาริสต้าประจำร้านก็ชัดเจนขึ้น เมื่อไรที่ว่างจากการชงกาแฟ คุณแดนก็จะมาทำหน้าที่เปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง และดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้ เป็นที่ทำให้คนกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone อย่างคุณแดน อัครเดช สารอินทร์ ได้พบเจอกับความสุขในการทำสิ่งที่รักอย่างแท้จริง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า อาชีพนักดนตรีเป็นอาชีพที่แอคทีฟในช่วงเวลากลางคืน ส่วนคอกาแฟทั่วไปก็มักจะดื่มกันในตอนเช้าหรือบ่าย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักดนตรีกลางคืนจะเป็นคนคนเดียวกับบาริสต้าในเวลากลางวัน ถ้าพูดให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คือ นักดนตรีกลางคืน และ บาริสต้า สองคนนี้อยู่กันคนละโลกกันเลยก็ว่าได้
มันจึงเป็นความท้าทาย ที่นักดนตรีคนหนึ่งจะก้าวจากพื้นที่ Comfort Zone ของตัวเอง เพื่อไปสู่อีกพื้นที่นึงที่ตัวเองไม่คุ้นเคย และไม่มีใครเคยบอกว่าจะเจอกับอะไรบ้าง สมหวังหรือผิดหวัง มีความสุขหรือเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เรื่องราวจะเป็นยังไง BLA Happy Life จะพาทุกคนไปติดตาม ไม่แน่เรื่องของคุณแดนอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณก็ได้
เมื่อวันที่ความฝันและงานดนตรีต้องหยุด
ผมเป็นนักดนตรีครับ เป็นมือทรัมเป็ต และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ยังทำเพลง เขียนเพลง ทำเบื้องหลังอยู่ แต่ช่วง Covid-19 ที่ทำให้อาชีพนักดนตรีของผมต้องหยุดชะงักลง วงการเพลงคือเรียกได้ว่านิ่งเลยครับ เพราะไม่มีร้านไหนเปิด ทุกคนก็ต้องกักตัวอยู่บ้าน รวมถึงเราด้วย ช่วงแรก ๆ ผมก็ซ้อมดนตรีครับ ตื่นมาซ้อม แต่เราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายทุกวัน เงินที่หามาได้ก็ต้องใช้ไปเรื่อย ๆ ทำให้เราต้องหารายได้จากทางอื่นบ้าง เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไปจะให้มารอเวลาทำสิ่งที่เราชอบ ที่เราถนัดก็ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ใช่ไหมครับ ผมเลยตัดสินใจก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ก้าวจากความชอบสู่อาชีพ
พอเราเริ่มคิดที่จะหารายได้ทางอื่น ผมก็พยายามมองหาแล้วว่าอะไรที่เราจะทำได้บ้าง เริ่มจากเราชอบอะไร เราทำอะไรเป็นบ้าง ลองนั่งคิดนอนคิดก็ปิ๊งขึ้นมาว่า เราก็ชงกาแฟเป็น เราทำกินเองทุกวันแล้วก็เป็นรสชาติที่เราชอบ งั้นลองขายกาแฟดูแล้วกัน เริ่มแรกคิดแค่เล็ก ๆ ครับ เราชงเองทุกเช้าอยู่แล้วงั้นเราก็ชงขายด้วยเลย ขายแค่คนในคอนโดนี่แหละส่งตามห้อง แต่ก็ไม่เป็นตามคาดครับ ไม่มีใครสั่งเลย อาจจะเพราะไม่มีใครรู้จักเรา เลยคิดว่าแบบนี้ไม่น่าเวิร์ค ผมเลยเปลี่ยนใหม่ลองไปขายแบบจริงจังมากขึ้น
จุดเริ่มต้น “COFFEE CUB” ร้านกาแฟบนมอเตอร์ไซต์
หลังจากที่เราลองผิดลองถูกมาสักพักแล้วรู้ว่าที่ทำอยู่ไม่เวิร์ค ผมก็มีเป้าหมายใหม่ ผมจะต้องทำให้คนรู้จักร้านของผมมากขึ้น ต้องออกมาจาก Comfort Zone ของตัวเองอีกครั้ง ต้องทำให้ร้านเป็นร้านที่มันจริงจังมากขึ้น โดยใช้รถมอเตอร์ไซต์นี่แหละ เปิดข้างตั้งเป็นโต๊ะขายเลยหน้าคอนโด ตั้งชื่อว่า “COFFEE CUB” เผื่อใครที่ออกไปทำงานเช้า ๆ จะได้ลองแล้วจะได้รู้จักเรามากขึ้น ผมจะขายช่วงเช้าเวลา 07.30 น. ถึง 11.30 น
วันแรก ๆ ก็ยังขายไม่ค่อยได้ครับ ผมจำได้ว่าแก้วแรกที่มีคนซื้อผมดีใจมาก มันเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผมได้ในแต่ละวัน แต่หลัง ๆ ช่วงบูม ๆ ก็ขายได้วันละ 30 กว่าแก้วครับ ที่ผมขายเฉพาะช่วงเช้าก็อย่างที่บอกครับว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ผมรัก พอช่วงเช้าผมขายกาแฟเสร็จ ผมก็จะกลับห้องไปซ้อมดนตรี ทำงานอื่น ๆ ต่อ ผมคิดว่าจริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราแค่ต้องแบ่งเวลาของความสุขให้พอดีครับ
ก้าวต่อมาของบาริสต้าฝึกหัด
ผมยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าบาริสต้าหรอกครับ ผมพอมีความรู้แค่พื้นฐานพอแยกออกว่าลาเต้คือแบบไหน อเมริกาโน่คือแบบไหน แต่ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ เรียนรู้จากลูกค้า รับฟีตแบคแล้วก็เอาไปพัฒนาให้ดีกว่าเดิม แต่ปัญหาก็ตามมาครับ เพราะเรื่องร้านผมที่ขายบนฟุตบาทจริง ๆ ก็คือไม่ถูกต้องครับ ทีแรกผมกะจะขายแค่ชั่วคราว แต่ทีนี้พอคนมารอคิวเยอะก็เริ่มเป็นปัญหามากขึ้น ก็ต้องแก้ไขว่าจะเอายังไงดี ทีนี้ผมก็เลยคิดอยากทำร้านจริงจังขึ้นมา
อย่ากลัวที่จะก้าวออกมาคว้าโอกาส
โอกาสเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ ทุกวันคือโอกาสในการทำสิ่งที่รัก เหตุการณ์ Covid-19 ในครั้งนี้ก็เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสสำหรับผม ถ้าไม่มีวิกฤตนี้ก็ไม่มีโอกาสที่ผมจะได้ลองทำอีกสิ่งที่ผมชอบ นั้นก็คือกาแฟ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างแต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าไม่ไหว ยอมแพ้ เราก็แค่ต้องปรับตัว ตอนนี้ผมว่านอกจากดนตรีที่ผมรัก การเปิดร้านกาแฟก็ทำให้ผมได้ค้นพบความสุขสิ่งใหม่ ทำให้ชีวิตกลับมีความหมาย ให้ชีวิตสนุกได้อีกครั้งเหมือนกัน
ปัจจุบัน จากบาริสต้าบนมอเตอร์ไซต์สีชมพูคันเก่า กลายเป็นบาริสต้าเจ้าของร้านกาแฟที่ชื่อว่า BoonRuang's Coffee (บุญเรือง คอฟฟี่) ที่มอเตอร์ไซต์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของร้าน และถึงความเป็น Coffee Stand จะหายไปเพราะถูกแทนที่ด้วยที่นั่งสบายๆ ในห้องแอร์ แต่ตัวตนของการเป็นนักดนตรีที่ควบตำแหน่งบาริสต้าประจำร้านก็ชัดเจนขึ้น เมื่อไรที่ว่างจากการชงกาแฟ คุณแดนก็จะมาทำหน้าที่เปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง และดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้ เป็นที่ทำให้คนกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone อย่างคุณแดน อัครเดช สารอินทร์ ได้พบเจอกับความสุขในการทำสิ่งที่รักอย่างแท้จริง
CONTRIBUTOR
BLA Happy Life Team