ปวดท้อง...ท้องอืดไม่หาย อาจแฝงภัยร้ายมากกว่าที่คิด

ปวดท้อง...ท้องอืดไม่หาย อาจแฝงภัยร้ายมากกว่าที่คิด - Helicobacter Pylori (H. Pylori) แบคทีเรียสุดถึก...ภัยร้ายในกระเพาะอาหาร

ปวดท้อง ท้องอืด เรอบ่อย คืออาการทั่วไปของร่างกายที่พบเป็นประจำ แต่อย่านิ่งนอนใจเพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคร้ายอย่างมะเร็ง โดยภัยร้ายที่เป็นสาเหตุของโรคนั้น อาจจะแอบแฝงซ่อนตัวอยู่ภายในร่างกายของเรานี้เอง

 

Helicobacter Pylori (H. Pylori) แบคทีเรียสุดถึก...ภัยร้ายในกระเพาะอาหาร

แบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโรไล (Helicobacter Pylori) คือ แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่มีรูปร่างเกลียว (spiral) พบได้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก สายพันธุ์ของเชื้อจะมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาค มีการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์เกิดขึ้นได้ สามารถถ่ายทอดจากคนสู่คนผ่านน้ำลายและอุจจาระได้ เชื้อสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้นานหลายสิบปีและมักจะมีการได้รับเชื้อมาตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะในระหว่างการคลอดบุตรที่รับจากมารดา การจูบปาก การทานอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง หรือจากการปนเปื้อนเชื้อในน้ำและอาหาร การเตรียมอาหารไม่สะอาด การปรุงอาหารไม่สุก การทานอาหารร่วมกันพอเหลือแล้วนำไปเก็บในตู้เย็นเพื่อจะนำมาทานต่ออีกครั้งก็ทำให้เชื้อนี้เจริญเติบโต เกือบทุกคนในประเทศที่กำลังพัฒนาจึงมักมีเชื้อนี้อยู่ และเมื่อรักษาหายแล้วก็ยังกลับมาเป็นซ้ำได้อีกจากการไม่ระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย

 

ร้ายแค่ไหน?

แม้ว่าแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโรไล (Helicobacter pylori) จะมีการค้นพบเมื่อราว ๆ 40 ปีมานี้เอง (พ.ศ.2525) การติดเชื้อ H. Pylori จัดได้ว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขในระดับโลก เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อแบคทีเรียนี้รวมแล้วมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก ในประเทศไทยเองมีผู้ติดเชื้อมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด ในปี ค.ศ.2012 องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ H. Pylori เป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มที่ 1 และมีรายงานยืนยันจากองค์กรวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) ในปี ค.ศ.2014 รายงานว่า ราว 80% ของผู้เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารทั่วโลกมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ H. pylori เรื้อรัง

 

แข็งแรงจนอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารได้

จ้าแบคทีเรีย H. Pylori สามารถอาศัยในกระเพาะอาหารร่วมกับเราได้โดยไม่ก่อโรคจนตลอดชีวิตของเรา ราว 10-15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ติดเชื้อเท่านั้นที่มีอาการของโรค ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ และอาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารต่อได้ในที่สุด การติดเชื้อแบคทีเรีย H. Pyloriจัดเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร คิดเป็นสัดส่วน 60% ของสาเหตุทั้งหมดในการเกิดโรคนี้

 

แล้วทำไมมันจึงทนกรดในกระเพาะอาหารเราได้? ปกติกระเพาะอาหารของคนเราจะมีชั้นเยื่อเมือกซึ่งทำหน้าที่ปกป้องผิวกระเพาะอาหารไม่ให้สัมผัสกรดที่หลั่งออกมาขณะย่อยอาหาร และความเป็นกรดเข้มข้นนี้ทำให้แบคทีเรียส่วนใหญ่ไม่สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารเราได้ แต่เจ้าแบคทีเรีย H. Pylori กลับมีความถึกทนเป็นพิเศษ โดยมันสามารถปล่อยสารบางอย่างออกมาเพื่อต่อต้านความเป็นกรดได้ ในขณะเดียวกันก็สร้างสารที่ปรับสภาพแวดล้อมรอบตัวมันให้สามารถอาศัยอยู่ที่ผิวกระเพาะอาหารของเราได้อย่างสบายๆ และสารเหล่านี้แหละที่ทำให้เกิดความเสียหายของชั้นเยื่อเมือกและผิวของกระเพาะอาหารบริเวณนั้น ทำให้ผิวของกระเพาะอาหารของเราไม่มีอะไรมาปกป้อง และถูกน้ำกรดในกระเพาะสัมผัสโดยตรง จึงเกิดบาดแผล และเกิดการอักเสบในเวลาต่อมา

 

ตรวจหาเชื้อ H. Pylori ได้อย่างไร?

การตรวจหาเชื้อ H. Pylori สามารถทำได้หลายวิธี ปัจจุบันนิยมตรวจหาโดยวิธีการส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ตรวจสอบจากลมหายใจ และการตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ ขั้นตอนการตรวจ – รักษา เริ่มจากหาสาเหตุการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร ตัดชิ้นเนื้อ → ตรวจสอบลมหายใจ → หาภูมิคุ้มกัน ขั้นตอนบางอย่างอาจแตกต่างกันไปตามแนวทางการรักษาของแพทย์แต่ละท่าน หากตรวจพบการติดเชื้อ มักจะรักษาด้วยการให้รับประทานยายับยั้งการหลั่งกรด นาน 6-8 สัปดาห์ ร่วมกับยาปฎิชีวนะ นาน 1-2 สัปดาห์ หลังจากหยุดยา 4 สัปดาห์ จะให้กลับมาตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผลการรักษา

 

แนวทางการสังเกตอาการและวิธีการรักษา

การติดเชื้อ H. Pylori สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด ดังนั้นการสังเกตอาการที่น่าสงสัย เช่น อาการปวดท้องอย่างรุนแรงเรื้อรัง แม้ทานยาลดกรดก็ไม่ดีขึ้น, ท้องอืด, อาเจียน, เรอบ่อย, มีปัญหาในการกลืน, น้ำหนักลด, อุจจาระเป็นสีดำ เป็นสัญญาณเตือนให้เราควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรีบดำเนินการรักษาให้หายโดยเร็ว ก่อนที่อาการจะพัฒนาไปในทางที่แย่ลงและเกิดการกลายพันธุ์ของเนื้อเยื่อบริเวณที่เสียหายกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารต่อมาในที่สุด จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อ H. Pylori เป็นได้ง่ายและเป็นได้ทั่วไป นอกจากนั้นยังเป็นเชื้อที่กระตุ้นในเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารลำดับต้น ๆ ดังนั้นการทำประกันโรคร้ายแรง ตั้งแต่อายุยังน้อย ก็สามารถที่จะคุ้มครองความเสี่ยงตรงนี้ได้อย่างครบถ้วน

 

สงวนลิขสิทธิ์บทความและเนื้อหาโดย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

เอกสารอ้างอิง

  1. กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย.(2559). แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร(Helicobacter pylori) ในประเทศไทย พ.ศ. 2558, บริษัท คอนเซ็พท์ เมดิคัส จำกัด, กรุงเทพฯ
  2. ทน พญ.วราภรณ์ ฟักโพธิ์. (2561). “การทดสอบเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ Helicobacter pylori จากเลือด.” วารสารงานห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์, 3, 3-8.
  3. www.nobelprize.org, (2005). The Nobel Prize in Physiology or Medicine 2005 สืบค้นจากhttps://www.nobelprize.org/prizes/medicine/2005/press-release/
  4. www.discoverymagazine.com. (2010). The Doctor Who Drank Infectious Broth, Gave Himself an Ulcer, and Solved a Medical Mystery. สืบค้นจาก https://www.discovermagazine.com/health/the-doctor-who-drank-infectious-broth-gave-himself-an-ulcer-and-solved-a-medical-mystery
  5. www.wcrf.org, (2018). stomach cancer report 2016 (Revised 2018). สืบค้นจาก https://www.wcrf.org/dietandcancer/stomach-cancer
  6. Minesh Khatri, MD. (2018) www.webmd.com , What is H. pylori? สืบค้นจาก https://www.webmd.com/digestive-disorders/h-pylori-helicobacter-pylori#1

 

We use cookies on our website to give the best experience including to purpose information and other contents. Using our website means you accept Terms and Conditions Privacy Notice and Cookies Policy.