ท่านสามารถชำระเบี้ยประกันภัยได้หลายช่องทางได้แก่สำนักงานใหญ่และสาขาของบริษัททั่วประเทศ การหักบัญชีธนาคารชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส
โดยท่านสามารถค้นหาช่องทางการชำระเบี้ยประกันภัยและวิธีการใช้บริการทั้งหมดได้ที่ การชำระเบี้ยประกันภัย
ท่านสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ด้วยตัวเองบนเว็บไซด์ โดยเข้าไปที่ หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัย แล้วกรอกเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนและเลขที่กรมธรรม์ กรณีระบบไม่แสดงข้อมูล กรุณาติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888
กรุงเทพประกันชีวิตจะทำการจัดส่งใบแจ้งกำหนดการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับผู้ถือกรมธรรม์ทุกท่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งเอาไว้ หรือท่านสามารถเข้าไปพิมพ์ใบแจ้งกำหนดการชำระเบี้ยประกันภัยได้ที่ระบบบริการลูกค้า(Smart Customer) ผ่านเว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต เข้าสู่ระบบบริการลูกค้า
สามารถตรวจสอบโรงพยาบาลคู่สัญญาและประเภทการให้บริการทั้งหมดได้ที่ โรงพยาบาลคู่สัญญา
สามารถทำได้ 3 ช่องทาง ได้แก่
1. โทรศัพท์แจ้งการเปลี่ยนแปลงผ่านทาง Call Center โทร. 0 2777 8888 ให้บริการทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุด)
ตั้งแต่เวลา 08.30 - 19.00 น.
2. ส่งข้อมูลเอกสารการเปลี่ยนแปลงผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือที่สาขาของบริษัท หรือสามารถส่งด้วยตัวเองเข้ามาที่
บมจ. กรุงเทพประกันชีวิต ตามที่อยู่ดังนี้
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
1415 ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงวงศ์สว่าง
เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
3. สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง ผ่านระบบบริการลูกค้า(Smart Customer) เข้าสู่ระบบบริการลูกค้า
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการแจ้งกรมธรรม์หาย ได้แก่ ใบแจ้งความ (ในใบแจ้งความต้องระบุชื่อ – สกุลของผู้เอาประกันภัย เลขที่กรมธรรม์ ชื่อบริษัท) แบบฟอร์มเปลี่ยนแปลงและสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งสามารถยื่นเอกสารได้ที่ตัวแทนประกันชีวิต หรือสำนักงานใหญ่ หรือสาขาของบริษัททั่วประเทศ หรือจัดส่งทางไปรษณีย์มายังสำนักงานใหญ่
ท่านสามารถขอใช้สิทธิกู้เงินตามกรมธรรม์ ได้ 2 ช่องทาง ดังนี้
1. ยื่นเอกสารด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ หรือสาขาของบริษัท โดยใช้
• บัตรประจำตัวประชาชน
• สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
(กรณีที่ท่านยังไม่เคยแจ้งโอนผลประโยชน์เข้าบัญชีธนาคารกับบริษัท)
2. ส่งเอกสารผ่านตัวแทน หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ โดยใช้เอกสาร
• คำขอใช้สิทธิกู้เงินตามกรมธรรม์ และสัญญากู้เงิน โดยท่านสามารถติดต่อขอรับเอกสารจากตัวแทน หรือดาวน์โหลดได้ที่ แบบฟอร์มใบคำขอใช้สิทธิกู้เงินตามกรมธรรม์
• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
• สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
(กรณีที่ท่านยังไม่เคยแจ้งโอนผลประโยชน์เข้าบัญชีธนาคารกับบริษัท)
แบบฟอร์มเปลี่ยนแปลงสำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลใหม่ (เอกสารทุกอย่างต้องรับรองสำเนาถูกต้อง) ซึ่งสามารถยื่นเอกสารได้ที่ตัวแทนประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ หรือสาขาของบริษัททั่วประเทศ หรือจัดส่งทางไปรษณีย์มายังสำนักงานใหญ่
สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิต ได้ที่สำนักงานใหญ่และสาขาของบริษัททั่วประเทศทั้งนี้บางแบบประกันไม่สามารถชำระเบี้ย
ประกันภัยด้วยบัตรเครดิต กรุณาสอบถามศูนย์ Call Center โทร. 0 2777 8888 ซึ่งให้บริการทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุด) ตั้งแต่เวลา
08.30 - 19.00 น.
บริษัทฯจะจ่ายเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ (เงินครบกำหนดสัญญา) คืนให้กับผู้เอาประกันภัยตามวิธีที่ผู้เอาประกันภัยขอรับเงินจ่ายคืนผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งมีช่องทางการคืนเงิน ดังนี้
1.โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
2.จ่ายเป็นเช็ค/ตั๋วแลกเงิน พร้อมจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้
สามารถเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกันเป็นรายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน และรายเดือน ได้โดยเบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระขั้นต่ำรายเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 500 บาท (ยกเว้นแบบประกันกรุงเทพ 115 เบี้ยประกันขั้นต่ำรายเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท) โดยผู้เอาประกันภัยสามารถสอบถามและยื่นเอกสารกับตัวแทนประกันชีวิต หรือสำนักงานใหญ่ หรือสาขาของบริษัททั่วประเทศหรือจัดส่งทางไปรษณีย์มายังสำนักงานใหญ่
ขอแนะนำแอปพลิเคชัน BLA Happy Life เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกค้าสามารถ เข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ โดยเข้าไปดูที่
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BLA Happy Life
หรือหากมีข้อสงสัยอื่นๆ สามารถสอบถามมาที่ ศูนย์ Call center 24 ชั่วโมง โทร. 02-777-8888
โดยปกติหากเจ้าหน้าที่บริษัทได้รับเอกสารเคลมครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะสามารถดำเนินการพิจารณาอย่างเร็วที่สุดภายใน 2 วันทำการ หากเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จะมีการติดต่อกลับไปหาลูกค้า ทั้งเป็นจดหมายแจ้งล่าช้าหรือทางโทรศัพท์
สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์ที่ได้รับสิทธิ์ค่าชดเชยต่างๆ ขอแนะนำให้ดูผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ได้จากแอปพลิเคชัน BLA Happy Life เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ โดยเข้าไปดูที่เมนู 'ผลประโยชน์ตามกรมธรรม์' ซึ่งจะแสดงรายละเอียดผลประโยชน์แยกตามกรมธรรม์ และรวมผลประโยชน์ทั้งหมด
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BLA Happy Life
สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี
กรณีที่ 1 ใช้สิทธิ์แบบไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถตรวจสอบโรงพยาบาลคู่สัญญาที่ให้บริการแฟกซ์เคลม (Fax Claim) ได้ที่ แอปพลิเคชัน BLA Happy Life เมนู 'ค้นหาโรงพยาบาล' จากนั้นกดเลือก 'โรงพยาบาลคู่สัญญา' และดูหัวข้อ Fax Claim โดยแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก่อน เพื่อทำการเช็คสิทธิ์ โรงพยาบาลจะดำเนินตามขั้นตอนของทางโรงพยาบาล เมื่อทำการรักษาพยาบาลเสร็จทางโรงพยาบาลจะแจ้งจำนวนเงินที่ได้รับความคุ้มครอง ซึ่งลูกค้าจะชำระเงินเพียงส่วนเกินความคุ้มครองเท่านั้น
กรณีที่ 2 หากไม่ใช่โรงพยาบาลคู่สัญญา หรือต้องสำรองจ่าย กรุณาให้คุณหมอเขียนข้อมูลรายละเอียดการรักษาที่ 'ใบเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลรายวัน และการประกันภัยสุขภาพหรือการประสบอุบัติเหตุ' โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ แอปพลิเคชัน BLA Happy Life เข้าไปที่เมนู 'เคลม' กดเลือก 'ดาวน์โหลดแบบฟอร์มเคลม' พร้อมแนบใบเสร็จรับเงินฉบับจริง ส่งมาให้กับบริษัท
รายละเอียดอื่นๆ โปรดศึกษาจากเมนู 'วิธีการ/ข้อเสนอแนะการเคลม' ที่ แอปพลิเคชัน BLA Happy Life หรือติดต่อตัวแทนประกันชีวิตของท่านเพื่ออำนวยความสะดวก
เนื่องจากมีเงื่อนไขยกเว้นความคุ้มครองโรคหรืออาการที่ยังรักษาไม่หายขาดก่อนวันที่เริ่มทำประกัน (Pre-existing condition) ดังนั้นก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพิจารณาสินไหมใดๆ จึงต้องทราบว่าโรคหรืออาการดังกล่าวไม่ใช่โรคที่เข้าข่ายยกเว้นความคุ้มครองหรือโรคก่อนประกันครับ (ลูกค้าควรศึกษารายละเอียดข้อยกเว้นอื่นๆ ของแต่ละสัญญา ซึ่งระบุในเล่มกรมธรรม์)
ไม่มีผลต่อการต่อสัญญาในปีต่อไป
จะให้ความคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทย แต่กรณีที่เดินทางไปต่างประเทศจะให้ความคุ้มครองตามที่ระบุในตารางผลประโยชน์เฉพาะในกรณีการบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยสำหรับกรณีฉุกเฉินในต่างประเทศตามคำนิยามที่ระบุไว้ในสัญญาเพิ่มเติม ทั้งนี้ วันที่เริ่มเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในต่างประเทศ ต้องอยู่ภายใน 90 วันแรกของการเดินทางออกนอกอาณาเขตประเทศไทยแต่ละครั้ง โดยบริษัทจะคุ้มครองสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควร ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ในประเทศนั้นๆ
ผู้ขอเอาประกันภัยต้องแถลงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของตนในใบคำขอให้แก่บริษัททราบตามความเป็นจริง โดยการขอตรวจสุขภาพจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจในการพิจารณารับประกันภัยของบริษัท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสัญญาประกันภัยชีวิตหลัก
สามารถเลือกได้แต่ต้องเป็นไปตามสัญญาประกันภัยชีวิตหลัก
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการแจ้งกรมธรรม์หาย ได้แก่ ใบแจ้งความ (ในใบแจ้งความต้องระบุชื่อ – สกุลของผู้เอาประกันภัย เลขที่กรมธรรม์ ชื่อบริษัท) แบบฟอร์มเปลี่ยนแปลงและสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งสามารถยื่นเอกสารได้ที่ตัวแทนประกันชีวิต หรือสำนักงานใหญ่ หรือสาขาของบริษัททั่วประเทศ หรือจัดส่งทางไปรษณีย์มายังสำนักงานใหญ่
มี 2 แบบ คือ
ประเภทของแผนประกันที่มีเงื่อนไขให้ผู้ประกันภัยต้องจ่ายส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่ได้รับความคุ้มครอง ในแต่ละกรณีที่ใช้บริการทางการแพทย์ โดยที่ส่วนที่เหลือจะถูกจ่ายโดยบริษัทประกันตามเงื่อนไขที่กำหนดในแผนประกัน โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันเริ่มคุ้มครองของสัญญา ปัจจุบันทางบริษัทยังไม่มีสินค้าประเภทนี้
มาตรการหรือเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยมีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 14/2564 ซึ่งมาตรการนี้จะบังคับใช้ในปีต่ออายุ กรณีที่มีการเรียกร้องสินไหมประกันสุขภาพที่ค่อนข้างสูงและบ่อยครั้งอย่างไม่เหมาะสมกับกลุ่มโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไป Simple disease หรือเข้ารับการรักษาเกินความจำเป็น ซึ่งพิจารณาจากจำนวนครั้งในการรักษาแบบ IPD และอัตราการเคลมที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะถูกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองของปีถัดไปเป็นแบบ Copayment คือต้องจ่ายส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเอง ซึ่งจะเป็นการจ่ายในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ของค่ารักษาพยาบาล
อัตราการเคลมประกันสุขภาพที่สูงขึ้นจากโรคทั่วไป ทำให้เบี้ยประกันภัยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส่งผลให้ต้องมีการปรับเบี้ยประกันทั้งพอร์ตในปีต่ออายุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้เอาประกันภัยที่ไม่มีประวัติการเคลมหรือมีการเคลมที่อยู่ในระดับมาตรฐาน
สัญญาประกันสุขภาพที่มีวันเริ่มคุ้มครองก่อน 20 มีนาคม 2568 จะไม่โดนบังคับใช้เงื่อนไขต่ออายุ Copayment ยกเว้น กรณีแบบประกันสุขภาพมาตรฐานที่มีการขาดอายุเกิน 90 วัน แล้วมาขอต่ออายุ โดยถูกเปลี่ยนวันเริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป หรือแบบประกันสุขภาพที่ไม่มีการชำระเบี้ยภายในระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัย
กรณีที่เข้าเงื่อนไข Copayment แล้ว ไม่มีการปรับเบี้ยประกันสุขภาพ ผู้เอาประกันภัยยังสามารถชำระเบี้ยฯ ตามจำนวนเงินที่ซื้อได้ของอายุขณะนั้น เงื่อนไข Copayment จึงเป็นประโยชน์กับผู้เอาประกันภัยมากกว่า จากเดิมที่อาจถูกเพิ่มเบี้ยจากความเสี่ยงของสุขภาพ ซึ่งเป็นการเพิ่มไปตลอดสัญญาไม่สามารถปรับลดได้ในอนาคต ในขณะที่เงื่อนไข Copayment สามารถปรับลดได้เป็นปีต่อปี
บังคับใช้ความคุ้มครองแบบมีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) สำหรับปีต่ออายุถัดไป เมื่อมีประวัติการเรียกร้องสินไหมของรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมาเข้าเงื่อนไขต่ออายุ Copayment ข้อใดข้อหนึ่ง โดยพิจารณาเป็นปีต่อปี ทั้งนี้ หากในรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมามีประวัติการเรียกร้องสินไหมไม่เข้าเงื่อนไขต่ออายุ Copayment ข้อใดเลย จะปรับความคุ้มครองของปีถัดไปที่ต่ออายุให้เป็นไปตามแผนประกันที่เลือกซื้อไว้ โดยไม่มี Copayment
ส่วนที่เหมือนกัน : ผู้เอาประกันภัยมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลภายใต้ความคุ้มครองของแบบประกันสุขภาพนั้นๆ (อาจกำหนดผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันภัย มีส่วนร่วมรับผิดชอบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแบบนั้นๆ)
ความแตกต่าง : จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่าย ดังนี้
ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบในส่วนของความรับผิดส่วนแรก (Deductible) ก่อน และส่วนที่เหลือจะต้องร่วมจ่ายตามเงื่อนไขจ่ายร่วม (Copayment)
สรุปยอดเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ = 37,000 บาท (10,000 + 27,000)
การพิจารณาบังคับใช้เงื่อนไขต่ออายุแบบ Copayment เป็นปีต่อปี จากข้อมูลการอนุมัติจ่ายสินไหมในรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมา หากรอบปีกรมธรรม์ใด มีสถิติการอนุมัติจ่ายสินไหมไม่เข้าเงื่อนไขการต่ออายุแบบ Copayment ข้อใดเลย บริษัทจะให้ความคุ้มครองปีต่ออายุตามแผนที่ผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อไว้
สามารถทำได้ โดยบริษัทสามารถนำประวัติการรักษาทั้งหมดมาใช้ในการพิจารณารับประกันและกำหนดเบี้ยฯ เพิ่มเติมตามประวัติสุขภาพสำหรับการสมัครทำประกันใหม่ ทั้งนี้ การอนุมัติการรับประกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาปฏิเสธการรับประกันในบางกรณี
ระหว่างปีที่ได้รับความคุ้มครองแบบ Copayment ไม่สามารถเปลี่ยนแบบประกันได้ สามารถเปลี่ยนแบบประกันได้เมื่อครบรอบปีกรมธรรม์แล้ว โดยบริษัทสามารถนำประวัติการรักษาทั้งหมดมาใช้ในการพิจารณา และกำหนดเบี้ยเพิ่ม หรือข้อยกเว้นเพิ่มเติมตามประวัติสุขภาพสำหรับการเปลี่ยนแบบใหม่ได้ ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาไม่อนุมัติในบางกรณี
ระหว่างปีที่ได้รับความคุ้มครองแบบ Copayment ไม่สามารถเปลี่ยนแผนคุ้มครองได้ สามารถเปลี่ยนแผนคุ้มครองได้เมื่อครบรอบปีกรมธรรม์แล้ว โดยบริษัทสามารถนำประวัติการรักษาทั้งหมดมาใช้ในการพิจารณากำหนดเงื่อนไขสำหรับการเปลี่ยนแผนคุ้มครอง ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาไม่อนุมัติในบางกรณี
สำหรับประกันสุขภาพมาตรฐานที่มีผลบังคับอยู่ก่อนวันที่ 20 มีนาคม 2568 จะไม่ถูกบังคับใช้เงื่อนไขต่ออายุแบบ Copayment ยกเว้น กรณีขาดอายุเกิน 90 วัน แล้วดำเนินการขอต่ออายุตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะเสมือนเป็นการซื้อประกันใหม่ และมีการปรับวันเริ่มคุ้มครองอยู่ในช่วงที่บังคับใช้เงื่อนไขต่ออายุแบบ Copayment แล้ว
สามารถขอเปลี่ยนแผนที่วงเงินคุ้มครองลดลงได้ โดยใช้เงื่อนไขความคุ้มครองเดิม ไม่ถูกปรับเป็นชุดที่มีมาตรการเงื่อนไขต่ออายุ Copayment แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแผนที่วงเงินคุ้มครองเพิ่มขึ้น จะถือว่าเสมือนเป็นการซื้อประกันใหม่ ต้องมีการพิจารณารับประกัน จึงจะถูกปรับเป็นชุดที่มีเงื่อนไขต่ออายุ Copayment
สามารถใช้สิทธิ์ขอเปลี่ยนแผนที่มี deductible ลดลงได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ โดยใช้เงื่อนไขความคุ้มครองเดิม ไม่ถูกปรับเป็นชุดที่มีมาตรการเงื่อนไขต่ออายุ Copayment
หากปีกรมธรรม์ใดที่เข้าเงื่อนไข Copayment ผู้เอาประกันภัยต้องมีส่วนร่วมจ่ายในสินไหมค่ารักษาพยาบาลทุกประเภท ทุกสาเหตุ ทั้งกรณี IPD และ OPD ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพมาตรฐานนั้นๆ (ผลประโยชน์ 13 หมวดหลัก และบันทึกสลักหลังที่อยู่ในสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพมาตรฐานนั้นด้วย)
ยกเว้น
สินไหมที่ไม่ใช่ค่ารักษาพยาบาล เช่น เงินชดเชยรายวัน, ค่าตรวจสุขภาพประจำปี, ค่าวัคซีน หรือค่ารักษาพยาบาลจากสัญญาที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพมาตรฐาน เช่น OPD สบายใจ หรือ OPD เพรสทีจ ที่สามารถซื้อเพิ่มเติมได้
สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพที่ซื้อใหม่ทุกฉบับ จะเริ่มต้นด้วยสถานะความคุ้มครองตามแผนที่เลือกซื้อในปีแรกทุกฉบับ
(ในกรณีที่มีข้อมูลประวัติสุขภาพจากกรมธรรม์ที่เข้าเงื่อนไข Copayment บริษัทอาจนำมาพิจารณาในการซื้อประกันสุขภาพเพิ่มได้)
ได้ ผู้เอาประกันภัยสามารถบริหารจัดการเรียกร้องสินไหมได้ตามความต้องการ โดยแจ้งความประสงค์จะใช้สิทธิ์เรียกร้องสินไหมจากประกันสุขภาพฉบับใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามแนวปฏิบัติของบริษัทจะพิจารณาแนวทางการจ่ายผลประโยชน์ที่เป็นคุณกับผู้เอาประกันภัยมากที่สุด โดยให้ได้ใช้สิทธิ์ของกรมธรรม์ให้ได้มากที่สุด และมีส่วนที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองน้อยที่สุด
จะส่งหนังสือแจ้งสถานะสินไหมล่วงหน้า 30 วันก่อนครบรอบปีกรมธรรม์ สำหรับกรมธรรม์ที่มีสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพมาตรฐานที่มีเงื่อนไขต่ออายุ Copayment ทุกงวดชำระเบี้ย
ไม่ติดเงื่อนไข Copayment เนื่องจากการพิจารณาเงื่อนไขต่ออายุ Copayment จะพิจารณาจากประวัติการเรียกร้องสินไหมในรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมา ในกรณีที่ไม่มีการเรียกร้องสินไหมหรือมีการเรียกร้องสินไหมไม่เข้าเงื่อนไขต่ออายุ Copayment ในปีใดๆ ปีต่ออายุก็จะไม่โดนเงื่อนไข Copayment นั่นเอง
การพิจารณาข้อมูลแยกตามสัญญาประกันสุขภาพมาตรฐานแต่ละฉบับที่มีเงื่อนไขต่ออายุ Copayment โดยคำนวณสินไหมจ่ายที่เกิดขึ้นเฉพาะสัญญาฉบับนั้นๆ เทียบกับเบี้ยที่ชำระทั้งปีของสัญญาฉบับนั้นๆ และเมื่อประกันสุขภาพฉบับใดติดเงื่อนไขต่ออายุ Copayment ก็จะบังคับใช้เงื่อนไขมีส่วนร่วมจ่าย Copayment กับการเรียกร้องสินไหมเฉพาะสัญญาฉบับนั้นด้วย
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2568 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่าง ๆ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเราถือว่าท่านยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ ประกาศความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ ของเรา