เรื่องของเก๊าท์ (Gout) ที่เราต้องรู้


 

มารู้จักเก๊าท์กันเถอะ

โรคเก๊าท์ เป็นโรคปวดข้อเรื้อรังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยประมาณ 2-4 คน ใน 1,000 คน จัดเป็นโรคที่สามารถพบได้ตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายอายุ 30-40 ปี ขึ้นไป โดยที่ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคเก๊าท์มากกว่าผู้หญิงถึง 10 เท่า ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็มากขึ้นตามไปด้วย ส่วนในผู้หญิงถ้าพบก็มักจะเป็นผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว (มักเริ่มเป็นเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป) โดยทั่วไปมักเกิดกับข้อเพียงข้อเดียว ในบางครั้งอาจเกิดกับหลายข้อได้พร้อม ๆ กันก็ได้ แต่ข้อที่พบได้บ่อยมากที่สุดคือ นิ้วหัวแม่เท้า ถือเป็นโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อยในประเทศไทย

 

เก๊าท์คืออะไร?

เก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบจากการมีระดับกรดยูริกในเลือดสูง ในคนปกติทั่วไปถึงแม้ว่า จะได้รับสารพิวรีนมากหรือร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมาก แต่ไตของเราก็สามารถขับกรดยูริกส่วนเกินออกมาได้ ร่างกายจึงรักษาสมดุลของกรดยูริกไว้ได้ แต่สำหรับคนที่มีความบกพร่องหรือไตขับกรดยูริกได้น้อยลง ก็จะทำให้มีกรดยูริกคั่งอยู่ในร่างกายมากผิดปกติ จึงเกิดการตกผลึกสะสมอยู่ตามข้อ ผิวหนัง ไตและอวัยวะอื่นๆ ได้จนเกิดเป็นโรคเก๊าท์

 

อาการของเก๊าท์

1. ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน มีข้อบวม แดง และร้อนอย่างชัดเจน ในบางรายอาจมีไข้หรืออาการหนาวสั่นร่วมด้วย ข้อที่พบได้บ่อยคือ ข้อหัวแม่เท้า ข้อเข่า และข้อเท้า ในระยะแรกข้อจะอักเสบเพียง 3-10 วัน และอาจหายไปได้
2. ระยะที่ไม่มีอาการข้ออักเสบและระยะเป็นซ้ำ ผู้ป่วยจะมีอาการปกติทุกอย่าง มักมีประวัติข้ออักเสบระยะเฉียบพลันมาก่อน ระยะเวลาตั้งแต่มีการอักเสบครั้งแรกถึงระยะเวลาต่อไปอาจแตกต่างกันในแต่ละราย หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีโอกาสข้ออักเสบซ้ำภายใน 1-2 ปี เมื่อเป็นซ้ำบ่อยๆจำนวนข้ออักเสบจะเพิ่มมากขึ้นและรุนแรงขึ้น ระยะเวลาในแต่ละครั้งที่มีข้ออักเสบยาวนานขึ้น อาจมีอาการทางกายอื่นๆร่วมด้วยเช่น มีไข้
3. ระยะข้ออักเสบเรื้อรังจากโรคเก๊าท์ พบข้ออักเสบหลายข้อแบบเรื้อรังร่วมกับการตรวจพบก้อนตามเนื้อเยื่อต่างๆ บางครั้งอาจแตกออกมาเห็นเป็นสารสีขาวคล้ายชอล์ก ตำแหน่งที่พบได้บ่อยนอกจากนิ้วหัวแม่เท้าและข้อเท้า คือ ปุ่มปลายศอก เอ็นร้อยหวาย ปลายนิ้วและอาจพบที่ใบหูร่วมด้วย ระยะนี้จะพบข้ออักเสบหลายข้อและอาจมีไข้จากการอักเสบได้

 

รักษาเก๊าท์อย่างไร

โรคเก๊าท์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเป็นหลัก ควบคู่กับการปฏิบัติตนเพื่อเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรค ในบางรายที่ปล่อยให้โรคดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รักษา แพทย์อาจใช้วิธีการผ่าตัดแทนการใช้ยา ซึ่งเป้าหมายของการรักษาจะช่วยในการบรรเทาอาการปวดให้ลดลงอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดของโรคเก๊าท์ในบริเวณข้ออื่น ๆ ในอนาคต รวมไปถึงลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรค เช่น โครงสร้างข้อต่อผิดรูป ไตเกิดความผิดปกติ

 

ดูแลตัวเองเมื่อเป็นเก๊าท์

  • ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ และไม่ทำให้เกิดการตกตะกอนในระบบทางเดินปัสสาวะที่นำไปสู่การเกิดนิ่วในไต
  • งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เช่น น้ำอัดลมน้ำผลไม้ น้ำหวาน
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • หยุดนวด ทายา ประคบร้อนหรือเย็นบริเวณที่มีการอักเสบของข้อ
  • แนะนำให้รักษาโรคร่วมที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ไขมัน
  • รับประทานยาต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ไข่ปลา หอย ปลาดุก กะปิ ซุปก้อน น้ำต้มกระดูก ชะอม ยอดผัก เห็ด สาหร่าย อาหารที่ใส่ยีสต์ (ขนมปัง เบียร์) เป็นต้น


การป้องกันเก๊าท์

โรคเก๊าท์ยังไม่สามารถสรุปการป้องกันได้อย่างชัดเจน การป้องกันจึงเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นเดียวกับการปฏิบัติตนของผู้ป่วยที่เป็นโรค เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคลง เช่น หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง

ลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิต อุ่นใจได้เป็นพิเศษ ด้วยบริการ “2B Care Privilege” รับคำปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ กระดูกสันหลัง โรคข้อและรูมาติซึ่ม จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ฟรี 1 ครั้ง) รายละเอียดเพิ่มเติมที่ >> http://bit.ly/EveryCare-2ndOpinion




สงวนลิขสิทธิ์บทความและเนื้อหาโดย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

เอกสารอ้างอิง  
×

ฝากข้อความไว้ให้เราติดต่อกลับ