รู้จักเรา

การกำกับดูแลกิจการที่ดี

​​

ปัจจัยความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท

1. ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน

     ซึ่งความเสี่ยงการแข่งขันนี้รวมถึงความเสี่ยงด้านช่องทางการขายและการตลาด และด้านการบริการที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการขายต่างๆ ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางธนาคารซึ่งเป็นช่องทางสำคัญช่องทางหนึ่ง โดยกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของช่องทางให้สอดคล้องและสนับสนุนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของพันธมิตรในการสร้างแรงจูงใจและความร่วมมือให้สามารถขยายขีดความสามารถหลักนการแข่งขันต่อทั้งบริษัทและพันธมิตร สำหรับกลยุทธ์ด้านการบริการลูกค้านั้นบริษัทจะพัฒนากระบวนการดำเนินงานต่างๆ โดยนำเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการลูกค้า รวมถึงการปรับปรุงสัดส่วนผลิตภัณฑ์และการบริหารต้นทุน เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาตำแหน่งทางการตลาด
     จากสภาพแวดล้อมในการแข่งขันภาคธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบัน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่อัตราการเติบโตลดลง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และการดำเนินของภาคธุรกิจ ก่อให้เกิดพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัว และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สะดวก รวดเร็ว และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา อาทิเช่น การพัฒนาช่องทางการขายและการให้บริการผ่านระบบออนไลน์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าแบบไม่พบลูกค้าต่อหน้า (Non Face-to-Face) อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จัดทำกลยุทธ์องค์กรที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่กำหนดมาตรการและแผนบริหารความเสี่ยงรองรับไว้ ให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น แผนธุรกิจมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาดำเนินงานภายในองค์กร ทั้งการพัฒนาระบบงาน กระบวนการให้บริการด้านต่าง ๆ การบริหารช่องทางการขาย รวมถึง การพัฒนาแบบประกันใหม่ ๆ ที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ ให้เกิดประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท

2. ความเสี่ยงด้านความเพียงพอของเงินกองทุน

     บริษัทมีนโยบายการดำรงเงินกองทุนและการบริหารเงินกองทุน เพื่อดำรงไว้ซึ่งความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระดับเพียงพอที่จะสนับสนุนการขยายธุรกิจ รองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และตามหลักเกณฑ์ที่ต้องดำรงเงินกองทุนตามกฎหมาย โดยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อการดำรงเงินกองทุนอย่างใกล้ชิด อาทิ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ภาวะตลาดเงินตลาดทุน โดยการวิเคราะห์และทดสอบสภาวะวิกฤตในกรณีต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายอาจมีเปลี่ยนแปลงตามการดำเนินงานของบริษัทและความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป หรือการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนของธุรกิจประกันชีวิตในอนาคต โดยติดตามจากปัจจัยความเสี่ยงด้านตลาละจากภาวะอัตราดอกเบี้ยลดลงและอยู่ในระดับต่ำ ดังนี้

     2.1 ความเสี่ยงจากภาวะตลาดมีความผันผวน

           ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย การเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์ทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่กระทบต่อรายได้จากการลงทุนและเงินกองทุนของบริษัท บริษัทจะต้องควบคุมและบริหารจัดการให้มูลค่าความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยมูลค่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องอยู่ในระดับไม่เกินเงินกองทุนที่กำหนดไว้ตามแผนธุรกิจ และเมื่อรวมกับความเสี่ยงประเภทอื่นแล้ว บริษัทต้องยังมีฐานะเงินกองทุนที่เข้มแข็งและสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

     2.2 ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ

            อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในสมมติฐานหลักของการกำหนดอัตราเบี้ยประกันชีวิต และการประเมินมูลค่าหนี้สินและเงินสำรองของสัญญาประกันภัย      หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานจะส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันภัย การรักษาระดับผล กำไร การดำรงเงินกองทุน และการบริหารจัดการความสอดคล้องของสินทรัพย์และหนี้สินจากสัญญาประกันภัย

     ทั้งนี้บริษัทมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยง โดยกำหนดให้คณะทำงานบริหารเงินกองทุนติดตาม ประเมินและรายงานปัจจัยเสี่ยงและดัชนีชี้วัดความเสี่ยง (KRI : Key Risk Indicators) อย่างใกล้ชิด รวมถึงการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset and Liability Management: ALM) ด้วยการทำ Duration Matching เพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยทั้งในด้านสินทรัพย์และหนี้สิน การปรับสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต (Product mix) โดยการขายผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองมากกว่าการออมผลิตภัณฑ์ชนิดมีส่วนร่วมในเงินปันผล และ/หรือ ควบการลงทุน เพื่อลดภาระการรับประกันการจ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย การปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเป็นการบริหารความสอดคล้องระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินควบคู่กับการรักษาระดับผลตอบแทนจากการลงทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและการติดตามด้วยระบบสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า การวิเคราะห์ความอ่อนไหวและการทดสอบภาวะวิกฤตของปัจจัยเสี่ยงหลัก

3. ความเสี่ยงด้านการประกันภัย

     ความเสี่ยงด้านการประกันภัย เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการที่อัตราการตาย อัตราการเจ็บป่วย อัตราการขาดอายุ การเวนคืนกรมธรรม์ หรืออัตราค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นจริงเบี่ยงเบนไปจากข้อสมมติฐานที่ใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย การพิจารณารับประกันภัย รวมถึงการคำนวณเงินสำรองประกันภัย โดยอาจจะทำให้เกิดผลกระทบทางลบกับผลการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงดำเนินการให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านการประกันภัยอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย โดยมีคณะทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างแนวคิดและพัฒนาสินค้าให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กำหนดอัตราเบี้ยประกันที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายบริหารความเสี่ยงของบริษัท รวมถึงการตั้งเงินสำรองประกันภัยและเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เพียงพอและสูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทั้งนี้ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มีกรอบนโยบายและแผนบริหารความเสี่ยงด้านการประกันภัย ดังนี้

      3.1 ความเสี่ยงด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการกำหนดราคา

             ความเสี่ยงด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการกำหนดอัตราเบี้ยประกัน หมายถึง ข้อบกพร่อง ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย รวมถึงความเสี่ยงที่อัตราเบี้ยประกันภัยจะไม่เพียงพอสำหรับภาระผูกพันธ์ตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไของสัญญาประกันภัย
             บริษัทจัดการความเสี่ยง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์หน้าที่ในการสร้างแนวคิดและพัฒนาสินค้าให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กำหนดอัตราเบี้ยประกันที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายบริหารความเสี่ยงของบริษัท พร้อมทั้งจะมีการทบทวนการกำหนดราคา การออกแบบผลิตภัณฑ์ และสมมติฐานที่ใช้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ และจะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการผลิตภัณฑ์ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นและอนุมัติการดำเนินการ

      3.2 ความเสี่ยงด้านการพิจารณารับประกันภัย

             ความเสี่ยงด้านการพิจารณารับประกันภัยอาจเกิดขึ้นจากการประเมินความเสี่ยงไม่เหมาะสมในการพิจารณารับประกัน ทั้งนี้บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงโดยกำหนดนโยบายและแนวทางในการพิจารณารับประกันภัยที่เป็นมาตรฐานตามแบบประกันภัย อายุ เพศ ชั้นอาชีพ และระดับความเสี่ยงภัยไว้อย่างชัดเจน โดยการคัดเลือกภัยจากกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งมีกระบวนการพิจารณารับประกันภัยและการควบคุมที่เหมาะสม ด้วยการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงทั้งที่เกี่ยวกับสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพ ความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย เป็นต้น โดยความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัยของผู้เอาประกันภัยแต่ละรายจะแตกต่างกัน
             นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพิจารณาส่งประกันภัยต่อไปยังผู้รับประกันภัยต่อที่มีความมั่นคงทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากการรับภาระการจ่ายค่าสินไหมที่ไม่คาดคิดและมีมูลค่าสูง รวมถึง เพื่อเพิ่มศักยภาพที่บริษัทจะสามารถเพิ่มการรับประกันภัยและทุนประกันที่สูงขึ้น

      3.3 ความเสี่ยงด้านการกำหนดเงินสำรองประกันภัย

             ความเสี่ยงด้านการกำหนดเงินสำรองประกันภัย คือ ความเสี่ยงที่เงินสำรองประกันภัยซึ่งบริษัทรับรู้ในงบการเงินอาจจะไม่เพียงพอต่อภาระผูกพันธ์ที่บริษัทมีต่อผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งนี้ บริษัทมีการพิจารณาความพอเพียงของเงินสำรองทุกวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานงบการเงิน รวมถึงมีการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของสมมติฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย
             นอกจากนี้ บริษัทยังคำนึงถึงกระบวนการควบคุมคุณภาพของกรมธรรม์ประกันภัยที่มีผลบังคับอยู่ โดยมีการทบทวนสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณเงินสำรองประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินสำรองประกันภัยเพียงพอต่อภาระผูกพันธ์ตลอดอายุสัญญากรมธรรม์ประกันภัย

4. ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและการกำกับดูแลธุรกิจ

     เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย กฎเกณฑ์ รวมทั้งการกำกับดูแลที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลกระทบทั้งด้านการแข่งขัน ต้นทุนทางการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัท และ/หรือ การไม่ปฏิบัติตาม การฝ่าฝืน กฎเกณฑ์ หรือประมาทเลินเล่อ อาจทำให้บริษัทถูกภาคทัณฑ์ ถูกปรับ หรือถูกฟ้องร้องได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น บริษัทได้กำหนดโครงสร้างการบริหารงาน โดยนำหลักการแนวปราการป้องกัน 3 ชั้น มาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ในการควบคุมดูแลและติดตามให้หน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจ รวมถึงนโยบายและระเบียบต่าง ๆ ของบริษัท ตลอดจนติดตามการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแจ้งให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน
​     ตลอดการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย กฎเกณฑ์ รวมทั้ง การกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ โดยบริษัทมีการเตรียมการและปรับกระบวนการภายในเพื่อพร้อมรับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ ๆ ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่ได้มีการเลื่อนวันบังคับใช้ในปี 2565 ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งการกำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เตรียมพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร กระบวนการ และระบบงานภายในให้เป็นไปตามการบังคับใช้ของกฎหมาย รวมถึง มีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบทบาทหน้าที่หลัก คือ กำกับดูแลภาพรวมของการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรให้เป็นไปตามกฎหมาย กำหนดแนวทางการดำเนินการ มาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล การพิจารณาอนุมัติการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบริษัท และการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึง พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคบใช้แล้ว บริษัทได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจัดทำกรอบนโยบาย แผนบริหารจัดการ การควบคุมติดตาม และการรายงานผล นอกจากนี้ ในส่วนของกฎหมาย กฎเกณฑ์ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ได้แก่ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน IFRS ที่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2568) เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านระบบงาน การปรับปรุงกระบวนการและอบรมให้ความรู้บุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการว่าจ้างที่ปรึกษาด้านมาตรฐาน IFRS 17 และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบเพื่อรองรับมาตรฐานดังกล่าวอีกด้วย

5. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล

     จากภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบันหรือดิจิทัล ทำให้การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการบริการต้องอาศัยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อดิจิทัล การพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับช่วยส่งเสริมการขาย และสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของกลุ่มลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น บริษัทจึงให้ความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่สำคัญทั้งในแบบพื้นฐานที่เฉพาะเจาะจงและแบบวงกว้าง ทั้งนี้การจัดการความเสี่ยงที่ในแบบพื้นฐานที่เฉพาะเจาะจง ได้แก่ การบริหารความเสี่ยงขั้นพื้นฐานในการใช้และเข้าถึงข้อมูลของบุคคลภายในและภายนอก เช่น การรักษาข้อมูลส่วนบุคคล การเข้ารหัสหลายชั้นในการเข้าถึงข้อมูล เป็นต้น และการจัดการความเสี่ยงที่ในแบบวงกว้าง ได้แก่ การบริหารความเสี่ยงด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการรับมือด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Risk) ให้เป็นไปมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001 (UKAS) และการบริหารความต่อเนื่อง ISO 22301 (UKAS) โดยในปีที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทยังคงได้รับรอง ISO/IEC 22301:2012 มาตรฐานด้านการบริหารจัดการความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ (Business continuity management systems) และบริษัทยังคงได้รับรองระบบมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 เรื่อง การจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Management System (ISMS)) อีกด้วย

6. ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ

     ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดหรือความไม่เพียงพอของกระบวนการทำงาน บุคลากร ระบบงาน การขาดการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือการขาดการควบคุมที่ดี หรือปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ เงินกองทุนและชื่อเสียงภาพลักษณ์ บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างประสิทธิภาพของระบบการควบคุมภายใน โดยการจัดโครงสร้างองค์กรและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เกิดการควบคุมภายในที่เพียงพอ เช่น โครงสร้างการบริหารงาน การกระจายอำนาจ และการตรวจสอบ รวมถึงการกำหนดขั้นตอนกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน โดยคำนึงถึงกระบวนการที่ช่วยลดและ/หรือไม่ก่อมลพิษต่อสภาพแวดล้อม มีระบบงานต่างๆ รองรับขั้นตอนหรือกระบวนการทำงาน รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ บริษัทเน้นการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกระดับ โดยการจัดทำแบบประเมินความเสี่ยงองค์กร การรายงานความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ การจัดทำประเมินความเสี่ยงและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมของหน่วยงานอย่างเป็นระบบเพื่อลดความเสี่ยงจากการละเมิดกฎหมายและเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจ

7. ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน

     ภายใต้การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท ไม่เพียงแต่การคาดหวังผลกำไรและการเติบโตของบริษัท แต่บริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กรให้มีความยั่งยืน เพื่อเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้องค์กรเติบโตได้ในระยะยาว โดยบริษัทได้คำนึงถึงมิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม และมิติสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ โดยประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องได้แบ่งออกเป็น 3 มิติของความยั่งยืน ดังนี้

     7.1 ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน มิติเศรษฐกิจ

           โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึง จัดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยง และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งความท้าทายในปัจจุบันที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนในมิติทางเศรษฐกิจ อาจเกิดจากพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัท เช่น ความเสี่ยงจากการพึ่งพาคู่ค้าน้อยราย หรือ คู่ค้ามีพันธมิตรใหม่ ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการแข่งขันที่สูงขึ้นและกระทบต่อรายได้ของบริษัท และกระทบต่อการสร้างสมดุลของรายได้จากช่องทางต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์การขยายตลาดและการหาพันธมิตรใหม่เพิ่มเติม เพื่อบริหารสัดส่วนของคู่ค้าให้เหมาะสม รวมถึง การส่งเสริมและสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าและพันธมิตรที่มีอยู่เพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจที่ยั่งยืน รวมถึง การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มคนทุกฐานะ ที่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นปัจจุบัน อาทิเช่น แบบประกันชีวิตควบการลงทุนที่เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าแบบประกันที่การันตีผลตอบแทน และมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันด้วยการผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์จากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้แก่ การขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุกรมธรรม์และค่าธรรมเนียมจากการกู้เงินอัตโนมัติ

     7.2 ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน มิติสิ่งแวดล้อม

           สาเหตุมาจากสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิเช่น การดำเนินชีวิตของมนุษย์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการด้านปัจจัย 4 อันได้แก่ น้ำ ดิน อากาศ และ ป่าไม้ รวมไปถึง การใช้ทรัพยากรและการผลิตพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปอย่างน้ำมัน และถ่านหิน เมื่อการอุปโภคและบริโภคมีมากขึ้น ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาวะโลกร้อน ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในบางพื้นที่ที่อาจส่งผลให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมของการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อและเกิดโรคระบาดได้ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอหิวาตกโรค เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องค่าสินไหมสุขภาพมากขึ้น และกระทบต่อบริษัททั้งการใช้สมมติฐานในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนสูงขึ้น และด้านการปฏิบัติงานหากเกิดการแพร่ระบาดภายในองค์กร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทได้กำหนดนโยบายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นแนวทางที่จะช่วยลดความเสี่ยง และสนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อม การสร้างจิตสำนึกรักและการดูแลสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร รวมไปถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการรักษ์สุขภาพและการป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายการเงินจากค่ารักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม หากเกิดสถานการณ์สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ส่งผลต่อกระบวนการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้จัดให้มีแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

     7.3 ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน มิติสังคม

           จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนเข้าสู่รูปแบบ New Normal ทั้งบริบทการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจ อีกทั้ง ประชาชนโดยส่วนมากเกิดการตระหนักรู้ถึงการทำประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ได้กำหนดรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในอดีต ส่งผลให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้สอดคล้องตามสถานการณ์และข้อกำหนดของภาครัฐ เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรภายในบริษัท รวมถึง ลูกค้า และผู้มาติดต่อ อีกทั้งบริษัทมีความห่วงใยด้านสุขภาพของประชาชน จึงมอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลชดเชยรายวันจากโควิด-19 เพิ่มเติมจากค่ารักษาพยาบาลตามแผนประกันที่มีอยู่ ความคุ้มครองกรณีได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และ ความคุ้มครองเนื่องจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่บริษัทได้พิจารณาถึงกิจกรรมและสิทธิพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนทั้งลูกค้า และ/หรือ ผู้เอาประกันอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึง การพัฒนาช่องทางบริการและผลิตภัณฑ์ให้สอดรับภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจน บริษัทได้ให้ความสำคัญและการสนับสนุนการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของผู้มีส่วนได้เสียทั้งบุคลากรภายใน - นอกบริษัท ตามหลักสิทธิมนุษยชน และตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยบริษัทได้ดำเนินการงานด้านสังคมที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การวางแผนด้านทรัพยากรบุคคลทั้งทางด้านการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลอย่างเป็นระบบ ระบบการเรียนการสอนผ่านสื่อออนไลน์ และโครงการพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร เป็นต้น การสรรหาและรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพอย่างเป็นระบบ โดยบริษัทมีหลักเกณฑ์อย่างเป็นธรรม เสมอภาค และคำนึงถึงการให้โอกาสที่เท่าเทียมกันในการทำงาน รวมถึง สุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน และการเคารพสิทธิแรงงานและการปฏิบัติต่อพนักงานทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึง จรรยาบรรณและแนวทางปฏิบัติที่ดีต่อลูกค้า และการสนับสนุนส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน

8. ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk)

     ความเสี่ยงใหม่ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจประกันชีวิต ได้แก่ ความเสี่ยงจากการที่ข้อมูลลูกค้ารั่วไหล ที่เกิดจากพฤติกรรมของประชาชนที่มีการนำเทคโนโลยีใช้มากขึ้น ประกอบกับการใช้งานผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว และ/หรือ การให้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึง การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่จะสิ้นสุดการขยายเวลาและเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่กฎหมายรองอยู่ระหว่างการจัดทำ และกฎหมายในภาพกว้างมีการตีความที่คลุมเครือและไม่มีความชัดเจน บริษัทอาจถูกร้องเรียนจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจได้ บริษัทได้มีแผนกลยุทธ์ในการตอบสนองตามเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์เชิงรุก (Proactive Incident Response) เช่น การเฝ้าระวังและตรวจจับความผิดปกติ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี การออกแนวปฏิบัติตามนโยบายความมั่นคงด้านสารสนเทศและข้อปฏิบัติเพื่อความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและไซเบอร์ของบริษัท โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจัดทำกรอบนโยบาย แผนบริหารจัดการ การควบคุมติดตาม และการรายงานผลเป็นประจำ รวมถึง การปฏิบัติงานภายในที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งพนักงาน ลูกค้า ตัวแทน และ บุคคลอื่น ๆ โดยบริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและคณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีบทบาทในการกำหนดแนวทางการดำเนินการ ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาในการจัดทำเอกสาร การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการขออนุมัติใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เพื่อไม่ให้เกิดกรณีข้อมูลรั่วไหลที่อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์องค์กร รวมไปถึง กระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับบริษัท

×

ฝากข้อความไว้ให้เราติดต่อกลับ